นศ.สาวธรรมศาสตร์ เผยในรายการ "ถามตรงๆ กับจอมขวัญ" ถูกล่วงล้ำ ละเมิดสิทธิมนุษยชน โดนกระทำไม่สุภาพ ช่วงเข้าทัณฑสถานหญิง สั่งให้ถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผู้คน ขึ้นขาหยั่งตรวจภายใน ทั้งที่ได้ประกันตัวแล้วในคดีราชภักดิ์...
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. รายการ "ถามตรงๆ กับจอมขวัญ" โดยจอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ ร่วมพุดคุยกับ นางสุนี ไชยรส อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ซึ่งปัจจุบันเป็น ผอ.ศูนย์ส่งเสริมความเสมอภาคและความเป็นธรรม วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และ น.ส.กรกนก คำตา นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ที่ถูกอัยการทหารสั่งฟ้อง ได้เอาเรื่องราวของตนเองที่พบเจอกับตัวจากทัณฑสถานหญิงกลาง ขณะถูกควบคุมตัวมาเปิดเผยผ่านโลกออนไลน์ ว่าถูกกระทำด้วยวิธีใดบ้าง ล่าสุด ทางปลัดกระทรวงยุติธรรมออกมาชี้แจงแล้วว่า นักศึกษาหญิงรายนี้ถูกตรวจค้นตัวจริงตามระเบียบ แต่หากพบว่าถูกละเมิดสิทธิ์ก็สามารถร้องเรียนได้
เริ่มรายการ น.ส.กรกนก ได้บอกเหตุผลการขึ้นสเตตัสในเฟซบุ๊กว่า จากที่ไปพบที่ๆ หนึ่งในเมืองไทยซึ่งไม่มีการยึดเรื่องสิทธิมนุษยชน โดนตนเองได้อนุมัติประกันตัวช่วงบ่ายสาม แต่ตัวอยู่ในเรือนจำ ไม่มีผู้คุมหรือใครได้บอก ทำให้ตั้งคำถามกับกระบวนการว่าทำไมถึงต้องทำอย่างนี้ เริ่มจากถูกผู้คุมสั่งให้นั่งบนพื้น โดยมีทุกคนยืนอยู่ตรงหน้า มีการบอกให้ถอดชุดที่อยู่ในชุดเดรสที่ขณะนั้นสวมใส่คิดว่าต้องได้ประกันตัว แต่กลับมีการให้ถอดชุดกลางแจ้งในลานกว้าง โดยให้ผ้าถุงผืนหนึ่ง
“การเปลี่ยนเสื้อผ้าจำเป็นหรือไม่ ต้องให้เปลี่ยนต่อหน้าผู้คนเป็นร้อย มีการเร่งให้เปลี่ยน และให้หมุนตัวเพื่อค้นตัวตอนนั้น ท่ามกลางสายตาผู้คนที่มอง ก่อนให้ลุกนั่ง ซึ่งการตรวจร่างกายคิดว่าควรมี แต่ไม่ควรต่อหน้าสาธารณะ และหลังจากหมุนตัวให้ลุกนั่งก็ให้ใส่เสื้อผู้ต้องขัง และพาไปตรวจภายใน สั่งให้เอาขาขึ้นที่ขาหยั่งและหย่อนก้น โดยมีความรู้สึกว่าเหมือนถูกล่วงล้ำ ทั้งที่ได้ประกันแล้ว จึงมีความจำเป็นหรือไม่ที่ต้องตรวจ และมีการกระทำที่ไม่สุภาพ”
...
ขณะที่ นางสุนี ระบุเคยเข้าเรือนจำในคดีการเมืองเมื่อปี 2519 ซึ่งพบว่ากระบวนการปัจจุบันยังไม่เปลี่ยน คือไม่ต้องเคารพศักดิ์ศรีความเป็นคน โดยตอนนั้นด้วยความเป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์และเป็นนักโทษการเมืองจึงไม่ยอม ทำให้ไม่โดนตรวจภายใน จนต่อมาปี 2530 ก็โดนคดีอีก แต่ครั้งนั้นยอมให้ตรวจภายใน พร้อมตั้งคำถามว่าทำไมต้องตรวจภายใน ซึ่งนักโทษการเมืองควรแยกออกไป พร้อมย้ำปัจจุบันควรยกเลิกการตรวจภายใน เพราะถือเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ ยิ่งคนไม่ได้อยู่ในช่วงตัดสิน และยุคสมัยได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ควรจะยกเลิก
ด้าน นางสิริพร ชูติกุลัง ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง ให้สัมภาษณ์โดยการโฟนอิน ยืนยันการตรวจภายในต้องตรวจทุกคน แต่จะมีการตรวจเพื่ออนามัยว่าใครเป็นโรคอะไรเพื่อเตรียมการรักษาและเพื่อหาร่องรอยตามร่างกาย ซึ่งเป็นระเบียบว่าถูกทำร้ายหรือไม่เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย
ส่วนกรณี น.ส.กรกนก เป็นการตรวจสิ่งของต้องห้ามป้องกันการนำเข้าเรือนจำ เพราะที่ผ่านมาเคยพบว่ามีการซุกซ่อนสิ่งของมากับเสื้อผ้า นอกจากนี้ ยังชี้แจงการตรวจในที่แจ้งว่า ปัจจุบันทัณฑสถานหญิงซึ่งเก่ามาก อยู่ระหว่างการปรับปรุงรวมถึงห้องตรวจอยู่ระหว่างการซ่อมแซม จึงย้ายมาตรวจอยู่ข้างตึก ไม่ใช่ตรวจกลางลานแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าต้องมีคนเห็น ส่วนการให้ขึ้นขาหยั่ง ก็เพื่อตรวจเพศและเรื่องสุขอนามัย.