สังคมไทยยังยึดความรักและความผูกพันในครอบครัว นิยมให้ผู้สูงอายุอยู่ร่วมกันและดูแลกันในครอบครัว สิ่งที่อยากให้รัฐช่วยคือเงินสนับสนุนดูแลผู้สูงอายุ
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ผศ. ดร. สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์สำรวจความคิดเห็น นอร์ทแบงค็อกโพล มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพเปิดเผยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ระหว่างวันที่ 10-17 พฤศจิกายน 2568 จากจำนวน 972 ตัวอย่าง จากกลุ่มตัวอย่างทุกภูมิภาคทั่วประเทศในประเด็น “สังคมสูงวัย ลูกหลานพร้อมแค่ไหนกับการดูแลผู้สูงอายุ” ต่อข้อคำถาม
ในครอบครัวของท่าน มีผู้สูงอายุที่ต้องดูแลหรือไม่พบว่าในครอบครัวมีผู้สูงอายุอยู่ในความดูแล ร้อยละ 72.60 ไม่มีร้อยละ 27.40
ท่านมีส่วนร่วมในการดูแลผู้สูงอายุมากน้อยเพียงใดพบว่าดูแลเป็นบางครั้งตามโอกาส ร้อยละ 58.30 ยังไม่เคยมีโอกาสดูแล ร้อยละ 16.70 ดูแลอย่างใกล้ชิดเต็มเวลา ร้อยละ 13.30 และให้การสนับสนุนด้านการเงินเท่านั้น ร้อยละ 11.70
เหตุผลหลักที่ลูกหลานต้องดูแลผู้สูงอายุคือความรักและความผูกพันในครอบครัว ร้อยละ 84.90 การตอบแทนบุญคุณ ร้อยละ 11.20 หน้าที่ทางศีลธรรมและวัฒนธรรม ร้อยละ 2.20 และความคาดหวังจากสังคม ร้อยละ 1.70
...
รูปแบบการดูแลผู้สูงอายุที่ท่านคิดว่าเหมาะสมที่สุดพบว่า อยู่ร่วมกันและดูแลกันในครอบครัว ร้อยละ 79.50 อยู่ใกล้กันแต่แยกบ้าน ร้อยละ 6.70 ยังไม่แน่ใจ ร้อยละ 5.00 จ้างผู้ดูแลมาดูแลที่บ้าน ร้อยละ 3.00 ส่งผู้สูงอายุไปอยู่ บ้านพักคนชราแบบพักอาศัยเต็มเวลา ร้อยละ 2.50 ใช้บริการ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุกลางวัน (Day Care Center) ร้อยละ 1.90 และเนอร์สซิ่งโฮม (Nursing home) ร้อยละ 1.40
หากจำเป็นต้องเลือก ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการให้ผู้สูงอายุไปอยู่บ้านพักคนชรา (พักอาศัยเต็มเวลา) พบว่า แล้วแต่ความสมัครใจของผู้สูงอายุ ร้อยละ 55.30 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 38.00 และเห็นด้วยเพียง ร้อยละ 6.70
หากจำเป็นต้องเลือก ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการให้ผู้สูงอายุไปอยู่ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบกลางวัน (Day Care) พบว่า แล้วแต่ความสมัครใจของผู้สูงอายุ ร้อยละ 57.50 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 24.30 และเห็นด้วยเพียง ร้อยละ 18.20
หากจำเป็นต้องเลือก ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการให้ผู้สูงอายุไปอยู่ เนอร์สซิ่งโฮม (Nursing Home) พบว่า แล้วแต่ความสมัครใจของผู้สูงอายุ ร้อยละ 64.10 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 24.90 และเห็นด้วยเพียง ร้อยละ 11.00
ปัจจัยที่ทำให้ท่านตัดสินใจเลือก “บ้านพักคนชรา” พบว่าปัจจัยในการเลือกบ้านพักคนชราคือ มีบุคลากรทางการแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ร้อยละ 77.90 ความมั่นใจในคุณภาพการดูแลและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ร้อยละ 48.10 ผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวหรือภาวะพึ่งพิง ร้อยละ 30.40 ครอบครัวไม่มีความรู้ด้านการดูแลผู้ป่วยสูงอายุ ร้อยละ 29.30 ความสะดวกในการเยี่ยมและติดตามอาการ ร้อยละ 28.00 ค่าใช้จ่ายสมเหตุสมผล ร้อยละ 25.40 และชื่อเสียงหรือมาตรฐานของสถานประกอบการ ร้อยละ 14.90
ปัจจัยที่ทำให้ท่านเลือก “ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุกลางวัน” พบว่าปัจจัยในการเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุกลางวัน คือ มีบุคลากรทางการแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ร้อยละ 72.20 ความมั่นใจในคุณภาพการดูแลและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ร้อยละ 43.30 ผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวหรือภาวะพึ่งพิง ร้อยละ 31.10 ครอบครัวไม่มีความรู้ด้านการดูแลผู้ป่วยสูงอายุ ร้อยละ 31.10 ความสะดวกในการเยี่ยมและติดตามอาการ ร้อยละ 30.00 ค่าใช้จ่ายสมเหตุสมผล ร้อยละ 21.10 และชื่อเสียงหรือมาตรฐานของสถานประกอบการ ร้อยละ 13.30
...
ปัจจัยการตัดสินใจเลือก “เนอร์สซิ่งโฮม” พบว่าปัจจัยในการเลือกเนอร์สซิ่งโฮม คือ มีบุคลากรทางการแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ร้อยละ 75.0 ความมั่นใจในคุณภาพการดูแลและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ร้อยละ 48.10 ผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวหรือภาวะพึ่งพิง ร้อยละ 36.50 ครอบครัวไม่มีความรู้ด้านการดูแลผู้ป่วยสูงอายุ ร้อยละ 33.10 ความสะดวกในการเยี่ยมและติดตามอาการ ร้อยละ 32.60 ค่าใช้จ่ายสมเหตุสมผล ร้อยละ 26.00 และชื่อเสียงหรือมาตรฐานของสถานประกอบการ ร้อยละ 15.50
...
ท่านคิดว่า “ใครควรเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดูแลผู้สูงอายุ” พบว่าบุคคลที่ควรเป็นผู้รับผิดชอบหลักคือ ครอบครัว ร้อยละ 76.70 ภาครัฐ ร้อยละ 12.80 ผู้สูงอายุเองควรเตรียมตัวไว้ก่อน ร้อยละ 8.80 และชุมชน/เอกชนร่วม ร้อยละ 1.70
ท่านคิดว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการดูแลผู้สูงอายุคืออะไร พบว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการดูแลผู้สูงอายุ คือ ขาดเวลาเนื่องจากต้องทำงาน ร้อยละ 40.00 ขาดความรู้ด้านดูแลสุขภาพเฉพาะทาง ร้อยละ 23.90 ภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 17.20 ความเครียดและกดดันทางจิตใจ ร้อยละ 12.80 และความขัดแย้งในครอบครัว ร้อยละ 6.10
...
ท่านต้องการการสนับสนุนใดจากรัฐบาล/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่าสิ่งที่ต้องการให้รัฐสนับสนุนคือ เงินสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุ ร้อยละ 72.20 บริการสุขภาพที่เข้าถึงง่ายและราคาถูก ร้อยละ 68.90 ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ร้อยละ 55.60 คอร์สฝึกอบรมการดูแลผู้สูงอายุ ร้อยละ 35.00 ลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ดูแล ร้อยละ 33.30 สายด่วนให้คำปรึกษาด้านการดูแล ร้อยละ 31.10 และมาตรการควบคุมราคาและคุณภาพบ้านพักคนชราและศูนย์ดูแลเอกชน ร้อยละ 29.40
ท่านมีแผนการเตรียมตัวสำหรับการดูแลผู้สูงอายุในอนาคตอย่างไร พบว่าการเตรียมตัวในการดูแลผู้สูงอายุ คือ ศึกษาความรู้เกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ ร้อยละ 61.90 เก็บออมเงินอย่างสม่ำเสมอ ร้อยละ 60.20 จัดทำประกันสุขภาพ/ประกันการดูแลระยะยาว ร้อยละ 47.50 ปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม ร้อยละ 46.40 และไม่มีแผนการใด ๆ ร้อยละ 8.80
โดยเฉลี่ยแล้ว ท่านคิดว่าท่านหรือครอบครัวมีความสามารถในการจัดสรรวงเงินเพื่อการดูแลผู้สูงอายุได้เดือนละเท่าไรพบว่ามีการเตรียมเงินอยู่ระหว่าง 10,001 – 20,000 บาท ร้อยละ 32.00 ต่ำกว่า 10,000 บาท ร้อยละ 24.00 ไม่แน่ใจ / ต้องขึ้นกับอาการผู้สูงอายุ ร้อยละ 20.00 อยู่ระหว่าง 20,001 – 30,000 บาท ร้อยละ 13.00 และมากกว่า 30,000 บาท ร้อยละ 10.50 ผศ.ดร.สานิตกล่าว
ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมที่ ผศ. ดร. สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นอร์ทแบงค็อกโพล” มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ โทร. 029727200-9 ต่อ 330