"เอกนิติ" รมว.คลัง ฉายภาพอนาคตเศรษฐกิจไทย ในงาน "Thairath Forum 2025" วางแผน Quick Big Win แก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยดิ่งเหว วางนโยบาย 5 เสาหลัก รองรับ New Economy
ท่ามกลางวิกฤตโดยรอบตัว ประเทศไทยยังมีโอกาสอยู่อีกหรือไม่ ในงาน "Thairath Forum 2025" ที่จัดขึ้นวันที่ 27 ตุลาคม 2568 เวลา 18.00–20.30 น. ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท ได้ฉายภาพอนาคต 1 ทศวรรษนับจากนี้ของประเทศไทยกับโอกาสที่ซ่อนอยู่ของพลวัตทางสังคม เศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้น
ในงานได้รับเกียรติจาก นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขึ้นกล่าวปาฐกถา หัวข้อ The Next New Economy : ประเทศไทยไปต่ออย่างไร? โดยระบุว่า หัวข้อนี้สำคัญมาก ๆ ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง ร่วมกับท่านบวรศักดิ์ และ รมว.พลังงาน เป็นภารกิจที่หนักมาก เพราะเรามีเวลาแค่ 4 เดือน ตอนนี้เหลือแค่ 3 เดือน แต่โจทย์คือ จะทำอย่างไรให้ New Economy เกิดขึ้น ซึ่งการจะเกิดขึ้นภายใน 4 เดือน แม้จะยาก แต่มีโอกาส ถ้าเราสร้างรากฐานให้ถูกต้อง ตั้งเป้าหมายให้ถูกต้อง สิ่งแรกเราต้องเข้าใจปัญหาเศรษฐกิจไทยก่อนว่าปัญหาในปัจจุบันอยู่ตรงไหน ไม่อย่างนั้นเราจะเกาไม่ถูกที่คัน
เศรษฐกิจไทยโตจากบุญเก่า ที่เราลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสมัย 1970-1980 อาทิ อีสเทิร์นซีบอร์ด สนามบิน ท่าเรือมาบตาพุด ท่าเรือแหลมฉบัง ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวมาก แต่วันนี้ที่โลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เราไม่ได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมานาน จากที่ไทยเคยลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 40% ของ GDP วันนี้เหลือแค่กว่า 20% ของ GDP ดังนั้น วันนี้ถ้าเราไม่ลงทุนใหม่ ในทักษะใหม่ ๆ ไม่พัฒนาคนเพื่อรองรับในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ไม่มีทางเลยที่ Next New Economy จะเกิดขึ้น นี่คือโจทย์สำคัญของประเทศ
...
ขณะเดียวกันปัญหาระยะสั้นที่ประเทศไทยเจอ คือ เมื่อเราต้องพึ่งการผลิต ฐานการผลิตเราส่งออก หลังจากลอยตัวค่าเงินบาทปี 40 เราหันมาส่งออกเยอะมาก ทำให้สัดส่วนการส่งออกของประเทศไทยที่เคยอยู่ประมาณ 30-40% ขึ้นมา 60% แต่ในประเทศกลับไม่มีการลงทุนมานาน ขณะที่คนไทยแก่ขึ้น อายุมากขึ้น คนไทยที่เป็นฐานรากมีปัญหาหนี้ครัวเรือนสะสม ทำให้กำลังซื้อลดลง คนมีรายได้ประมาณ 30,000 บาท เป็นหนี้ครึ่งหนึ่ง หรือมากกว่าครึ่ง ทำให้มีเงินเหลือในการใช้จ่ายน้อย จนต้องกู้ และเป็นหนี้ รวมถึงเป็นหนี้นอกระบบ
อีกทั้งปีนี้ เรายังเจอโลกที่สับสนอลหม่าน มีภาษีทรัมป์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ครึ่งปีแรกเราเห็นเศรษฐกิจไทยโตขึ้น 3% จากการเลื่อนส่งออกเมื่อปลายปีที่ผ่านมา มาอยู่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งครึ่งหลังยังไงก็ลดลงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการส่งออกซึ่งมีสัดส่วน 60% ของ GDP จะถูกกระทบแน่นอน เพราะฉะนั้นหลายหน่วยงานที่คาดการณ์เศรษฐกิจ มีการคาดการณ์ว่าครึ่งปีแรกจะโตแค่ 3% ครึ่งปีหลังจะโตแค่ 1% โตเฉลี่ยคือ 2% แต่ถ้าลงไปในไตรมาสที่ 4 จะโดนหนักที่สุด สภาพัฒน์คาดว่า เศรษฐกิจจะโตแค่ 0.3% คือเศรษฐกิจที่ดิ่งหัวลงมา แล้วเราจะปล่อยให้เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ได้ระยะสั้นได้อย่างไร เพราะถ้าปล่อยไปแบบนี้จะยิ่งดิ่งเหวลงไปเรื่อย ๆ วันนี้เราจึงต้องหยุดการดิ่งเหวนี้ นี่คือโจทย์ที่เราต้องทำ ที่ตนบอกว่า ตอนนี้ประเทศไทยกำลังขับรถดิ่งเหว ถ้าเราไม่หยุดการดิ่งเหวนี้ เศรษฐกิจไทยจะฟื้นยากมากตรงนี้คือโจทย์ระยะยาว ที่เข้ามาซ้ำเติมกับปัญหาระยะสั้นที่เราเจอ สิ่งที่ตนและทีมเศรษฐกิจได้คุยกันก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่ง คือ Quick Big และ Win
นายเอกนิติ เผยต่อว่า Quick คือ เรามีเวลาแค่สี่เดือน Big คือ ต้องใหญ่พอ ที่จะยกไม่ให้เศรษฐกิจไทยติดหล่ม และไม่ให้ดิ่งเหว Win คือ ต้องให้เกิดการกระจายตัว เพราะประเทศไทยมีปัญหาความเหลื่อมล้ำสูง ดังนั้น ต้องพยายามทำให้ทุกนโยบายเศรษฐกิจ กระจายตัวเยอะที่สุด จะได้แก้ความเหลื่อมล้ำไปด้วย แม้จะเป็นระยะสั้นแต่ก็แก้ไปด้วย ทำให้การเติบโตเศรษฐกิจกระจายตัวได้มากขึ้น นี่คือโจทย์ของระยะสั้น แต่ที่เราตกลงกันกับทีมเศรษฐกิจเราจะไม่ทำแค่ Quick Big และ Win เราถึงมีกรอบแนวคิดนโยบายเศรษฐกิจ ที่เป็นกรอบที่ไม่ว่ากระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน เราจะใช้ด้วยกันหมด เราเรียกว่ากระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว กระตุ้นสั้นคือฟื้นตัวในระยะสั้น ได้ผลยาวคือแม้จะมีเวลาแค่สี่เดือนแต่ขอทำอะไรให้ได้ผลยาว และให้มันกระจายตัวด้วย หรือการเติบโตอย่างทั่วถึง และสิ่งที่ตนได้ขอนายกรัฐมนตรีและได้เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลในช่วง 4 เดือนนี้ ออกมาเป็น 5 เสาหลัก ในการสร้างบ้านใหม่ให้เมืองไทย รองรับ New Economy
เสาที่หนึ่ง เกี่ยวกับการฟื้นเศรษฐกิจ ฟื้นอย่างไรในระยะสั้น เสาที่สองคือการแก้ปัญหาในครัวเรือน ซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมมานาน เสาที่สามคือ ดูแลสภาพคล่องให้ธุรกิจ SME เพื่อไม่ให้ลามไปธุรกิจใหญ่ เสาที่สี่ สร้างระบบการออมรองรับคนหลังเกษียณ และ เสาที่ห้าคือการลงทุน เพื่อสร้างอนาคต นี่คือ New Economy ที่ต้องมีเป้าหมายชัดเจนว่าทำอะไร และนอกจากเสาทั้ง 5 แล้ว หากไม่มีฐานที่แข็งแรง อย่างเรื่องวินัยการคลัง ก็อาจจะทำให้ล้มได้อยู่ดี
...
การฟื้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่เราทำคือ การเติมเงินเข้าบัตรคนจน ที่มีอยู่ประมาณ 13.4 ล้านคน เนื่องจากกระทรวงการคลังตรวจสอบพบว่า เงินที่เข้าต่อเดือน 300 บาทนั้นถูกใช้หมดภายในวันเดียว โดยนำไปซื้อของจำเป็นในร้านธงฟ้า ฉะนั้นการฟื้นเศรษฐกิจของคนระดับนี้ คงไม่ต้องคิดถึงคนละครึ่งพลัส เพราะเขาไม่มีอะไรจะไปสมทบ แต่เราใช้งบประมาณที่เหลืออยู่เป็นงบประมาณเก่าไปเติมอีกคนละ 1,700 บาท เพื่อให้เกิดการจับจ่าย
ต่อมาเรามีการฟื้นเศรษฐกิจด้วยโครงการคนละครึ่งพลัส ด้วยงบประมาณ 44,000 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่งบฯ ใหม่ แล้วให้ประชาชนคนชั้นกลาง ออกอีกครึ่งหนึ่ง รวมเป็น 88,000 ล้านบาท ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันที แต่มีคำว่า "พลัส" ที่หมายถึง กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว ต่อมาเราเดินหน้าเรื่องท่องเที่ยว ซึ่งในเชิงเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว ติดลบประมาณ 8-9% สิ่งที่กระตุ้นระยะสั้นได้คือ ต้องไปดูดีมานด์ หรือกำลังซื้อ ซึ่งพบว่ายังพอมีอยู่ เราจึงทำแผนลดหย่อนภาษี เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย รวมถึงภาคธุรกิจก็แห่มาทำ Tax Invoice เป็นจำนวนมาก
...
...
นายเอกนิติ เผยต่อว่า ในวันที่ประชุม ครม. เศรษฐกิจ ได้นำความคิดเห็นของภาคเอกชนมาให้ค่าลดหย่อนการจัดอบรมสัมมนา หากพาพนักงานไปเที่ยวภายในเดือนมกราคม แทนที่จะไปเมืองนอก จะหักค่าใช้จ่ายได้ 1.5 เท่า หากไปเมืองรองจะได้ 2 เท่า นี่คือการกระตุ้นสั้น ในส่วนของผลระยะยาว เข้าใจว่าโรงแรมไม่มีเงินรีโนเวท ตนจึงได้คุยกับทางธนาคารออมสิน จะให้ Soft Loan หมื่นล้าน เพื่อนำมาใช้ในมาตรการกระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว เมืองรอง ในส่วนของพลังงานสะอาด ท่านอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ทำแผนต่างๆ เข้า ครม.ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะช่วยปลดล็อกต่างๆ ของการลงทุนที่มีอุปสรรคเยอะ
ขณะที่โครงการคุณสู้เราช่วย ที่ใช้เงินของกองทุนฟื้นฟูซึ่งสถาบันการเงินนำส่งให้กับกองทุนฟื้นฟู เพื่อไปชำระหนี้ ที่มีเงินเหลืออยู่ประมาณ 2 หมื่นกว่าล้าน ซึ่งจะนำเงินส่วนนี้ไปซื้อหนี้ออกมา ประชาชนที่เป็นหนี้ไม่ว่าจะธนาคารใด เราจะดึงส่วนนี้ออกมาอยู่ที่ SAM บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท เพื่อยืดหนี้ออกไปและจะได้ปรับลดต้น เลื่อนดอกเบี้ย โดยดูศักยภาพของแต่ละคนด้วย ตรงนี้จะทำให้เขามีลมหายใจมากขึ้น แต่เขาต้องมีวินัย และหากลูกหนี้ยินยอมเปิดเผยว่ามีหนี้อยู่ที่ไหนบ้าง เราก็จะรู้สถานะหนี้ที่แท้จริง เพื่อจะได้รับลดหนี้ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ยังพบว่า คนไทยมีพฤติกรรมเล่นหวย สำหรับคนที่ไม่ถูกรางวัล จะเอาเงินค่าบริหารจัดการของสลากฯ หักมาสะสมเป็นเงินออม แต่เราจะไม่ให้คืน ให้สะสมไปจนถึงอายุ 55 ปี จากนั้นหากขาดสภาพคล่อง ก็จะมีหลักประกันตรงนี้เพื่อไปขอกู้กับธนาคารได้
นายเอกนิติ เผยต่อว่า เรื่อง New Economy การลงทุนเพื่อสร้างอนาคต ตนเชื่อว่าเกิดได้ ตลาดต่างชาติสนใจมาก ตนเพิ่งไปที่เอเปกมา สิ่งแรกที่เขาพูดถึงคือ คนไทยขาดเรื่อง Skills Label แต่เขาอยากมาลงทุน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ประเทศไทยมีโอกาส ฉะนั้นในช่วง 4 เดือน ตนต้องการมุ่งมั่นจับเรื่อง ReSkills ซึ่งได้มีการประสานกับทาง BOI เพื่อให้ไปจับมือกับ อว. และมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อสร้างสแตนดาร์ดขึ้นมา เพื่อให้จบมาแล้วมีงานทำจริงๆ โดยกำหนดเป็นหลักสูตรดิจิตอลเทคโนโลยี เรียนสั้นๆ กำหนดเป้าหมาย 1 แสนคนที่เป็นอนาคตประเทศไทย เพื่อแก้โจทย์ที่ต่างชาติบอกว่า สิ่งที่ประเทศไทยขาดที่สุดคือ "ทักษะ"
"วันนี้จะเอาไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์กลับมาใช้ เพราะประเทศไทยงบลงทุนไม่เหลือแล้วงบ ประมาณ 100 บาท โดนงบประจำกินไป 70 บาท โดนจ่ายต้นจ่ายดอกไปอีกเกือบ 10 บาท 20 บาท เหลืองบลงทุนไม่พอ ฉะนั้นเราต้องใช้พวกเครื่องมือทางการเงินที่จะทำให้ประเทศไทยลงทุนอัปเกรด เราต้องเอาเอกชนมาร่วมลงทุนกับภาครัฐ ถึงจะทำให้ภาระของภาครัฐไม่สูงเกินไป ฐานรากจะได้แข็งแรง แล้วเรามีการลงทุนใหม่ อันนี้คือในเรื่องของพลังงานสะอาด"
นายเอกนิติ เผยด้วยว่า ในช่วง 4 เดือนตนจะออกโครงการชื่อ Fast Pass แล้วไปขอมติ ครม. ว่าใครถือ Fast Pass จะต้องอนุมัติภายในเท่าไร แล้วใช้กฎหมายอำนวยความสะดวก จะต้องทำให้เร็วเพื่อให้เกิดการลงทุนใหม่ และปัญหาต่างๆ จะได้ปลดล็อก