ทนายวิญญัติ ยืนยัน "ทักษิณ" ยื่นขออภัยโทษครั้งที่ 2 โดยเป็นสิทธิของผู้ต้องขังเด็ดขาด ซึ่งเป็นกระบวนการทางเอกสารและทำความเห็น ใช้เวลาประมาณ 14 วัน
วันที่ 29 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีปรากฏข่าวลือ ว่าภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 68 ให้จำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 1 ปี ต่อมาเพียงหนึ่งวัน คือ วันที่ 10 ก.ย. 68 นายทักษิณ ได้มีการยื่นคำร้องขอพระราชทานอภัยโทษต่อกระทรวงยุติธรรม
จากกรณีดังกล่าวได้รับการยืนยันว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายจริง ภายหลังเข้ามาอยู่ในเรือนจำฯ และเรื่องก็ผ่านชั้นกระทรวงยุติธรรมไปเรียบร้อยแล้ว การขออภัยโทษเฉพาะราย ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องขังเด็ดขาดทุกรายที่จะมีการยื่นเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผู้ต้องขังเด็ดขาดที่จะดำเนินการยื่นทูลเกล้าฯ
ทั้งนี้ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวของนายทักษิณ ชินวัตร เผยภายหลังเข้าเยี่ยมนายทักษิณ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 ซึ่งทนายความก็อธิบายว่า ได้มีการยื่นขอไปจริง และถือเป็นสิทธิของผู้ต้องขังเด็ดขาดทุกราย เป็นสิทธิตามกระบวนการ และเราก็ดำเนินการหลายวัน และครั้งนี้ก็ดำเนินการนานกว่าครั้งที่แล้ว ทุกอย่างเป็นพระราชอำนาจเป็นพระเมตตาของพระองค์ท่าน ไม่อาจก้าวล่วงได้
และเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าการขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 สามารถทำได้หรือไม่ เจ้าตัวปฏิเสธไม่ให้ความเห็นเรื่องดังกล่าว แต่ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ทั้งนี้การยื่นฯ เป็นกระบวนการทางเอกสารและทำความเห็นประมาณ 14 วัน ใช้เวลามากกว่าครั้งที่แล้ว ซึ่งใช้เวลา 6 วัน การยื่นครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นการเร่งรีบ
...
อย่างไรก็ดี ในการยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคลมีขั้นตอน คือ 1.ผู้ต้องขังเด็ดขาด หรือผู้มีประโยชน์ อาทิ บิดา มารดา คู่สมรส บุตรของผู้ต้องขัง ยื่นเรื่องผ่านเรือนจำ ทัณฑสถาน จากนั้นเรือนจำทัณฑสถาน จะสอบสวนเรื่องราวทูลเกล้าฯ รวบรวมเอกสาร และส่งต่อไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อกรมราชทัณฑ์ประมวลข้อเท็จจริง และสรุปเรื่องเพื่อประกอบการถวายความเห็นของ รมว.ยุติธรรม จากนั้นความเห็นของ รมว.ยุติธรรม จะถูกส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต่อด้วยสำนักงานองคมนตรี และเมื่อมีผลฎีกาอย่างไร ก็จะมีการแจ้งผลฎีกามายังเรือนจำ ทัณฑสถาน ต่อไป