เจ้าหน้าที่ปรับแผน แก้ปัญหาถนนสามเสนทรุด เร่งเทปูนซีเมนต์ปิดรอยรั่วในอุโมงค์ ให้ทันก่อนฝนตกซ้ำ หลังเจออุปสรรคใหญ่ ใช้เครนยกชิ้นส่วนปูนที่มีปัญหาไม่ขึ้น
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 25 ก.ย. 68 นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยถึงความคืบหน้าภายหลังมีการปรับแผนของ รฟม. ในการเร่งคืนพื้นที่บริเวณถนนทรุดตัวความลึก 20 เมตร หน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) โดยระบุว่า หลักเดิมที่ทางนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. จะดำเนินการนำรถเครนมา และนำสลิงไปผูกกับปูน แต่ยกไม่ขึ้น เนื่องจากมันงัดกันอยู่กับชิ้นส่วนในหลุม และดิน ทำให้ตอนนี้ต้องมีการปรับแผนด้วยการเทปูนลงไป เพื่อเร่งคืนพื้นผิวจราจรให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งทางบริษัท ช.การช่าง ก็เป็นผู้ตัดสินใจ
ทั้งนี้ การเทปูนลงไปเพื่อปิดปากหลุมที่เป็นรูรั่ว โดยจะเททำเป็นแท่นก่อปูนขึ้นไปก่อน ประมาณ 3 เมตร เมื่อปูนเซ็ตตัว ก็จะเอาทรายถมอัดให้แน่น และทำพื้นให้เต็ม จะช่วยรับน้ำหนักของฝั่ง สน.สามเสน ด้วย และเพื่อคืนพื้นผิวจราจรด้วย
...
ส่วนผลเสียในการเทปูน จะทำให้ปูนไหลเข้าไปในอุโมงค์ เพราะไม่มีอะไรรองปิดในช่องอุโมงค์ กว่าปูนจะเซ็ตตัว และทาง ช.การช่าง จะเป็นผู้ที่ต้องนำปูน และดิน ที่ค้างอยู่ในอุโมงค์ออกมา เพราะเป็นผู้ก่อสร้างรถไฟฟ้าเขาก็ต้องดำเนินการแก้ไขการก่อสร้างในช่วงถัดไป ซึ่งจะต้องทำให้เร็วที่สุด เพราะกังวลหากฝนตกลงมา และน่าจะเริ่มงานให้เสร็จภายในวันนี้ได้
ขณะที่ทีมวิศวกร ระบุว่า อุปสรรค นอกจากปัญหาเรื่องน้ำหนักของชิ้นส่วนที่ติดค้างอยู่ภายในหลุม ยังมีเรื่องของฝนเพราะเมื่อตรวจสอบข้อมูลกับกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ในอีก 2 วันข้างหน้าจะมีฝนตกลงมาอย่างหนัก หากยังไม่สามารถนำชิ้นส่วนทั้งหมดขึ้นมาได้ก็จะยิ่งให้การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก และอาจจะส่งผลกระทบให้เกิดดินสไลด์เพิ่มและทำให้ตัวอาคารของสถานีตำรวจนครบาลสามเสนทรุดเพิ่มขึ้น
ต่อมาเวลา 14.55 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากจุดเกิดเหตุ ว่า รถผสมปูนซีเมนต์ คันละ 5 คิว ตอนนี้เดินทางมาถึงแล้ว 4 คัน ทั้งนี้มีรายงานว่าวันนี้จะมีการใช้รถผสมปูนซีเมนต์ทั้งหมดประมาณ 100 คัน และปูนซีเมนต์ประมาณ 500 คิว ในการดำเนินการ
โดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางเข้าพื้นที่ เพื่อมาติดตามสถานการณ์ในการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ด้วย
ที่มาจาก เฟซบุ๊กเพจ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์