ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยันใช้กระสอบทรายถมหลุมเป็นมาตรฐานสากล แก้ปัญหาถูกจุด ด้าน รฟม. เตรียมชี้แจงสาเหตุเบื้องต้นวันพรุ่งนี้ (25 ก.ย. 68)


จากกรณีเกิดเหตุถนนทรุดตัวบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล และ สถานีตำรวจนครบาลสามเสน ใกล้เคียงกับจุดก่อสร้างทางขึ้น-ลงที่ 4 สถานีวชิรพยาบาล (PP19) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ลักษณะเป็นหลุมขนาดความกว้าง 30×30 เมตร ความลึก 50 เมตร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมาเวลา 17.30 น. ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมความคืบหน้าของเหตุการณ์ดินถล่ม โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง ก่อนออกมาเปิดเผยว่า สถานการณ์ช่วงบ่ายมีดินสไลด์ในหลุมลึกเพิ่มเติมคาดว่าเกิดจากสาเหตุที่มีน้ำไหลเข้าไปในพื้นที่และอีกทั้งในหลุมเกิดเหตุมีช่องชาร์ป (ช่องปิดท่อ) ที่ทำให้ดินเข้าไปในตัวอุโมงค์และตัวสถานีรถไฟฟ้าได้

ขณะนี้ทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัทผู้รับเหมาได้นำกระสอบทรายมากกว่า 50,000 ลูก เทลงไปเพื่ออุดน้ำและทรายที่จะไหลลงอุโมงค์ ซึ่งจะทำให้เกิดการทรุดตัวของดิน

...


จากการใช้แผนกระสอบทรายนี้ สังเกตดูก็มีความเสถียรมากขึ้น แต่ขณะนี้ยังมีปัญหาคือมีจุดที่เป็นช่องชาร์ป ซึ่งระหว่างนี้ต้องคุยกับผู้รับเหมาและ รฟม. ว่าจะขยับกระสอบทราย เข้าไปจุดนี้อย่างไร แต่เชื่อว่าการใช้กระสอบทรายจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นและเห็นเสถียรภาพในการปรับปรุงระบบ

แผนจากนี้จะมีการเทคอนกรีตเพิ่มเติมในจุดที่ทิ้งกระสอบทรายเพื่อให้เกิดเสถียรภาพมากขึ้น เพื่อให้หยุดการเคลื่อนของดิน โดยรวมอาคารที่เข้าเกณฑ์เสี่ยงอันตรายคือ สน.สามเสน เนื่องจากดินด้านล่างอาคารไหลออกไปก็จะทำให้อาคารด้านบนไม่มั่นคง ทั้งนี้พื้นที่ถนนสุโขทัยยังพบว่ามีความเคลื่อนไหวบางจุดอยู่ วันนี้กทม.สั่งห้ามรถใหญ่เข้าในพื้นที่แล้ว

แต่หลังจากนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญลงไปตรวจสอบว่า จำเป็นต้องถึงขั้นสั่งงดการจราจรบนถนนสุโขทัยด้วยหรือไม่ ในส่วนความมั่นคงของโรงพยาบาลทั้ง 2 อาคารที่ใกล้ที่เกิดเหตุคาดว่าไม่เป็นปัญหา ทั้งนี้ การประปาได้ตัดการระบายน้ำหมดแล้ว แต่น้ำที่เห็นอยู่ในหลุมที่ยุบเป็นส่วนของการระบายน้ำ สำนักการระบายน้ำนำกระสอบทรายไปอุดหัวท้ายทำให้น้ำในพื้นที่ลดลง และหากอนาคตเกิดฝนตกจะต้องมีการป้องกันไม่ให้น้ำด้านนอกไหลเข้าไปในบ่อยุบ โดยมีการทำกระสอบทรายเป็นเขื่อนกันน้ำไว้

ผู้ว่าฯ กล่าวต่อว่า ประชาชนที่ไม่ได้กลับเข้าไปพื้นที่เสี่ยง ขณะนี้ทราบว่ามีที่พักหมดแล้ว ส่วนห้องแถวตรงหัวมุมถนนสามเสนมีผู้เช่า 21 ราย เจ้าหน้าที่ติดตามครบแล้ว 10 ราย บางส่วนแบ่งไปที่พักพิงชั่วคราวในซอยสวนอ้อย และบางส่วนไปพักที่โรงแรม จากนี้สิ่งที่กทม.ต้องทำทั้งหมดคือ การลงพื้นที่ตรวจดูในชุมชนสวนอ้อยว่าไม่มีน้ำประปาหรือไฟฟ้าจำนวนกี่ครัวเรือน ทั้งนี้ กทm.ยืนยันว่าจะเดินทางลงพื้นที่สำรวจโดยละเอียด เพื่อดูว่ามีความช่วยเหลืออย่างไร

หัวใจหลักของการดำเนินการในพื้นที่ตอนนี้คือ จะต้องดำเนินการปิดน้ำในพื้นที่ ขณะนี้การทรุดตัว ชะลอลงเยอะแล้ว เราใช้เครื่องตัววัดเป็นเลเซอร์ ตัวเดียวกับ สตง. ติดตั้งอยู่ 2 จุด เพื่อดูการเคลื่อนไหวของตัวอาคาร จากการสังเกต เรื่องดินก็ชะลอลง จุดที่ต้องเป็นห่วงมากที่สุดคือดินที่อยู่ใต้ สน.สามเสน หากมีการสไลด์เพิ่ม จะทำให้เข็มมีความเสียหาย และเกิดการดึงรั้งออกมาได้

ส่วนการสไลด์ของดินเริ่มจากจุดที่จะนำกระสอบทรายไปอุดเลยหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ใช่ ดินสไลด์ต้องมีที่ไป เมื่ออุโมงค์เปิดเข้าไปต่อสถานี โดยบริเวณด้านในเป็นที่ว่าง เหมือนกับมีช่องว่าง ก็ไหลไปในช่อง ไหลเข้าไปสู่อุโมงค์ที่ยาวเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 เมตร ทรายไหลเข้าไปประมาณ 7 พันลูกบาศก์เมตร ถ้าเราไม่อุดตรงนี้ เวลามีน้ำ ของเหลว ก็จะไหลลงไปได้ ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมทาง รฟม. ต้องขุด และนำกระสอบทรายทิ้งก่อน เพื่อไปอุดช่องว่างเหล่านี้ และในกล่องก็มีดินเข้าไปอยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งก็มีดินเหนียว ก็จะช่วยอุดไว้ด้วย จะทำให้เกิดการสไลด์น้อยลง ถ้าไม่มีที่ไป ดิน ก็จะไม่สไลด์ กระสอบทราย มีความยืดหยุ่นลงไปปิดช่องว่างได้ละเอียด ขนาดกั้นน้ำท่วมยังใช้กระสอบทราย น้ำยังลอดไม่ได้

...


ดังนั้น เราใช้กระสอบทราย ดินก็ลอดไม่ได้ และจะสามารถขุดได้ และกระสอบทรายในอนาคตสามารถเคลื่อนที่ออกได้ไม่ยาก หากต้องรื้อออกเพื่อทำอุโมงค์ใหม่ ก็สามารถใช้หัวเจาะเข้าไปได้ ทำให้การก่อสร้างในอนาคตง่ายขึ้น ไม่ได้พังเหมือนตึก สตง. ดังนั้น การใช้อุปกรณ์ในการอุดช่องว่างต่าง ๆ ต้องคิดถึงในอนาคตด้วย ไม่ใช่ว่าทำไปแล้วในอนาคตต้องรื้ออีกครั้ง แล้วปิดถนนอีกครั้ง มันจะลำบาก เชื่อว่าเป็นวิธีที่ถูกแล้ว

ส่วนที่มีคนร้องเรียนว่ามีน้ำท่วมอยู่ที่ผิวจราจรก่อนที่ถนนทรุดนั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า ในความคิดเห็นส่วนตัว เมื่อดินเกิดการทรุดตัว ท่อเกิดแตก น้ำเลยออกมาเยอะ

ด้านนายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า สัญญาก่อสร้างมีกำหนดเสร็จปลายปีหน้า ส่วนสถานีดังกล่าวไม่จำเป็นต้องเสร็จภายใน 3 เดือน แต่ยอมรับว่ามีการทำสถานีดังกล่าวมาแล้ว 3 เดือน และตัวเครื่องจักรหลัก หัวเจาะผ่านไปประมาณ 3 เดือนที่แล้ว ซึ่ง รฟม. จะชี้แจงสาเหตุเบื้องต้นในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ย. 68) เวลา 11.00 น.

ส่วนตัวแทนโรงพยาบาลวชิรฯ ระบุว่า ผู้ป่วยภายในยังไม่มีการแจ้งขอย้ายโรงพยาบาล ยืนยันว่า ตึกของโรงพยาบาลของเราปลอดภัยทุกตึก เนื่องจากมีกำแพงดินค่อนข้างลึก และครอบคลุมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น

ดังนั้น ทุกตึกเราได้ตรวจสอบแล้วปกติดี ทั้งยังมีการนัดผู้ป่วยที่ต้องรับยา เพื่อไม่ให้ขาดยา แต่การจราจรอาจติดขัดเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ได้ให้ย้อนศรมาเข้าถนนสังคโลก เพื่อมารับบริการได้ อย่างไรก็ตาม อยากให้ใช้รถสาธารณะเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าช่องทางการจราจรของถนนสังคโลกแคบมาก น่าจะมีปัญหาการจราจรติดขัดในวันศุกร์นี้ จึงอยากให้ใช้รถสาธารณะ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมา อยากให้สถานการณ์ดีขึ้นก่อน อยากให้ทุกคนมั่นใจว่าอาคารของเราปลอดภัยแข็งแกร่งดี.

...