สถานการณ์ความตึงเครียด แนวชายแดนไทย–กัมพูชา กระทบต่อการท่องเที่ยวไทยรุนแรง ในพื้นที่จังหวัดที่เกี่ยวข้อง มีการยกเลิก-เลื่อนการจองห้องพักสูงสุด 100% ทั้งนี้ ยังมีรายได้จากสื่อมวลชนและผู้บริจาคมาเข้าพักทดแทน
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดน ไทย–กัมพูชา ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 จนถึงวันที่ 25–28 กรกฎาคม 2568 ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยอย่างรุนแรง นักท่องเที่ยวลดการเดินทาง การจองห้องพักถูกยกเลิกหรือเลื่อนจำนวนมาก และเศรษฐกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบกว้างขวาง
จังหวัดสระแก้ว มีการยกเลิกหรือเลื่อนการจองห้องพัก 100% ในอำเภออรัญประเทศ และ 80% ในเขตเมือง
จังหวัดจันทบุรี มีการยกเลิกหรือเลื่อนการจองห้องพัก 80% ในพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก
จังหวัดตราด มีการยกเลิกหรือเลื่อนการจองห้องพักทั้งหมดในพื้นที่ติดชายแดนกัมพูชา โดยการเดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ ได้รับผลกระทบสูง เกาะช้างยกเลิกห้องพัก 10–30% เกาะหมาก 20–30% และเกาะกูด 50–60%
ด้านจังหวัดอุบลราชธานี ยกเลิกห้องพักกรุ๊ปทัวร์ 100% แต่มีการเข้าพักของผู้บริจาคและสื่อมวลชน 70% จังหวัดสุรินทร์ ยกเลิกห้องพักกรุ๊ปทัวร์ 80% และมีการเข้าพักของ ผู้บริจาคและสื่อมวลชน 50% พร้อมเลื่อนกิจกรรมแข่งขันจักรยานยนต์วิบาก Enduro Race
สำหรับจังหวัดศรีสะเกษ ยกเลิกห้องพักกรุ๊ปทัวร์ 100% ยอดเข้าพักลดลง 50% และมีการเข้าพักของผู้บริจาคและสื่อมวลชน 50%
จังหวัดบุรีรัมย์ ยกเลิกห้องพักนักท่องเที่ยว 70% แหล่งท่องเที่ยวหลัก เช่น อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งและหอคอยเมืองปิดชั่วคราว พร้อมเลื่อนกิจกรรมและการแข่งขันทั้งหมดที่สนาม Chang International Circuit
...
ทั้งนี้ แม้จะเกิดผลกระทบทางจิตวิทยาต่อนักท่องเที่ยว ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการเดินทาง แต่ยังมีการเข้าพักของสื่อมวลชนและผู้บริจาคในหลายพื้นที่ ซึ่งช่วยชดเชยยอดเข้าพักบางส่วน ทำให้ไม่ได้เสียหายทั้งหมด ด้านมาตรการความปลอดภัยจากการสอบถามจากสำนักงาน ททท. ในพื้นที่ (อุบลราชธานี สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด) พบว่า มีการแจ้งประชาสัมพันธ์จุดเสี่ยงที่อาจเกิดอันตรายจากชายแดน โดยให้นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าพื้นที่นั้น และจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมทั้งมีมาตรการด้านความปลอดภัยเป็นกรณีพิเศษจากหน่วยงานภาครัฐและกองทัพบก
ขณะที่การเฝ้าระวัง ททท. ได้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ทุกสัปดาห์ และเมื่อมีประเด็นใหม่เกิดขึ้น โดยติดตามจากทั้งสำนักงาน ททท. ในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และสำนักงานต่างประเทศ รวมทั้งติดตามและเฝ้าระวังข่าวสารจากช่องทางอื่นๆ ที่ขยายผลจากสถานการณ์