"สุริยะ" ขอบคุณ ผู้ว่า กทม. หลังหารือทำความเข้าใจพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ ร่วมผนึกกำลังดันนโยบายรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท ให้ใช้ทัน 1 ต.ค.นี้ ล่าสุด ทำกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม
เมื่อวันที่ 21 ก.ค. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท (20 บาทตลอดสาย) ว่า ภายในวันที่ 1 ต.ค.2568 ประชาชนจะได้ใช้อย่างแน่นอน โดยจะครอบคลุมโครงข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 8 สาย รวม 13 เส้นทาง ระยะทางรวม 276.84 กิโลเมตร (กม.) ทั้งสิ้น 194 สถานี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ประชุมหารือร่วมกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ และคณะทำงานรวมถึงภาคเอกชนผู้ได้รับสัมปทาน โดยในที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกัน ซึ่งทุกฝ่ายพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่และมีความยินดีจะสนับสนุนพร้อมที่จะผลักดันมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายให้เกิดผลสำเร็จ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้บริการตามแผนที่กำหนดไว้
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า สำหรับการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ พ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ... ในการดำเนินการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม จะเตรียมนำเข้าในสภาผู้แทนราษฎร ภายในวันที่ 7 ส.ค.2568 และจะดำเนินการทูลเกล้าฯ พร้อมกับออกกฎหมายลูกในการบังคับใช้ รวมถึงเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อไป ส่วนแหล่งเงินทุนหลังจากแก้ไข พ.ร.บ.ตั๋วร่วมแล้ว ทางการรถไฟฟ้าขนส่งมงลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะนำรายได้สะสมส่งเข้ากระทรวงการคลังและนำเข้ากองทุนภายใต้ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เพื่อนำเงินไปชดเชยส่วนต่างของรายได้ค่าโดยสารให้แก่ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ จากการเก็บค่าโดยสารในอัตรา 20 บาทตลอดสาย
...
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของมูลค่าการชดเชยนั้น จะประเมินจากจำนวนผู้ใช้บริการ ซึ่งจำนวนเงินชดเชยนั้นมั่นใจว่ามีเพียงพอในการใช้ดำเนินการ พร้อมย้ำว่าภายในช่วงเดือน ส.ค.2568 จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนใช้สิทธิผ่านแอพลิเคชันทางรัฐ โดยจะต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย ระบุเลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก บัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรโดยสาร (Rabbit Card ที่ลงทะเบียน) ที่จะใช้งานกับระบบรถไฟฟ้า ซึ่งบัตรที่ได้รับการยืนยันการลงทะเบียนจะได้สิทธิโดยอัตโนมัติ
ทั้งนี้ นโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย ถือเป็นนโยบายที่พี่น้องประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากตัวเลขผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมั่นใจว่า ในอนาคตปริมาณผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากนโยบายดังกล่าว ช่วยลดค่าครองชีพในการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชน อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะอย่างเท่าเทียม มีความปลอดภัย สะดวก รวดเร็วและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมช่วยลดรถยนต์บนถนน ลดอุบัติเหตุ และมลพิษทางอากาศอย่างมีนัยสำคัญด้วย นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ดำเนินการจัดทำฟีดเดอร์ โดยจะนำรถประจำทางมาใช้วิ่งระยะสั้น เพื่อรับ-ส่ง ประชาชนตามแนวรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น