“สุรพงษ์” สั่ง บขส. ปรับตัว เร่งยกระดับการให้บริการ-พัฒนาสถานี รับมือรถไฟทางคู่ให้บริการทั่วประเทศ ลุยเดินหน้าจัดหารถโดยสารใหม่ 311 คัน มูลค่า 3 พันล้านบาท ฤกษ์ดีรับมอบล็อตแรกวันที่ 9 เดือน 9 จำนวน 99 คัน ครบทั้งหมด ธ.ค. 68 สัญญาเช่า 5 ปี ช่วยลดต้นทุนพลังงาน 20-30% หั่นค่าซ่อมบำรุงปีละ 100 ล้าน หนุนล้างหนี้ 3 พันล้านใน 4 ปี ตั้งเป้าพลิกกำไรในปีหน้า
วันที่ 9 ก.ค. 68 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบนโยบายให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เร่งดำเนินการปรับตัวเพื่อให้การบริการรถโดยสารขนส่งสามารถดำเนินการอยู่ได้ภายใต้พฤติกรรมการเดินทางของผู้โดยสารที่เปลี่ยนแปลงไป
ขณะเดียวกันในปัจจุบัน รัฐบาลได้มีนโยบายที่จะผลักดันการเดินทางด้วยระบบราง ทั้งขยายเส้นทางรถไฟฟ้าให้ครอบคลุม กทม. และปริมณฑล รวมถึงการขยายโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ที่ปัจจุบันได้เปิดให้บริการไปแล้วบางส่วนและรัฐบาลยังมีแผนที่จะดำเนินการเฟส 2 เส้นทางทั่วประเทศอีก
...
ดังนั้นการปรับปรุงรถที่ให้บริการ ยกระดับสถานี และการปรับบทบาทจากการรับส่งคนมาเป็นฟีดเดอร์ เชื่อมต่อกับระบบราง และค้นหาเส้นทางใหม่ ๆ ที่ระบบรางยังเข้าไม่ถึง รวมถึงเน้นการให้บริการขนส่งสินค้าเป็นต้น รวมถึงบุกเบิกตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อการขนส่งผู้โดยสารกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับการท่องเที่ยวและธุรกิจข้ามแดนด้วย
ด้านนายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า นโยบายปรับปรุงคุณภาพการบริการรถโดยสารเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับบริการที่ดีนั้น ขณะนี้ บขส. ได้มีแผนจัดหารถโดยสารใหม่จำนวน 311 คัน เพื่อมาให้บริการและทดแทนรถเก่าจาก 250 คัน ให้บริการใหม่ทั่วประเทศแล้ว โดย บขส. ได้เช่าพร้อมบำรุงรักษารถใหม่จำนวน 311 คัน ระยะเวลา 5 ปี รถโดยสารที่ บขส. ทำสัญญาเช่า ยี่ห้อ MAN (เอ็มเอเอ็น) เป็นรถโดยสารสัญชาติเยอรมัน ใช้เชื้อเพลิงดีเซล มีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ทันสมัย ใช้เกียร์ออโต้ ช่วยประหยัดพลังงานลดลง 20-30% และได้มาตรฐานยูโร 5 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับรถโดยสารที่ได้รับการยอมรับด้านการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยรถโดยสารใหม่ บขส. จะรับมอบมาให้บริการลอตแรกในเดือน ก.ย. 68 จำนวน 99 คันและจะทยอยรับมอบครบภายในสิ้นปีนี้
สำหรับสัญญาเช่ารถโดยสารใหม่นั้น เป็นสัญญาเช่าที่ครอบคลุมรวมถึงการซ่อมบำรุง และเป็นลักษณะคิดค่าเช่ารูปแบบไม่วิ่งไม่จ่าย หรือจ่ายค่าเช่าตามการใช้งานจริง ซึ่งผลการศึกษาพบว่าจะช่วยให้ บขส. ประหยัดค่าดำเนินงานมากขึ้น เพราะไม่ต้องแบกรับค่าซ่อมบำรุงที่มีเฉลี่ยปีละกว่า 100 ล้านบาท และการเช่ารถโดยสารในลักษณะนี้จะทำให้ บขส. รู้ต้นทุนและกำไรที่เกิดขึ้นต่อวันได้ทันที อย่างไรก็ตาม บขส. เชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้องค์กรมีกำไรเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 300-400 ล้านบาท และจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยหักลบหนี้สะสมที่มีอยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาทลดลงต่อเนื่อง”
นายอรรถวิท กล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน บขส. มีหนี้สะสมอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท จากแผนดำเนินงานที่ปรับเป็นการเช่ารถโดยสารทั้งหมด และการหารายได้นอกเหนือจากการเดินรถ ทั้งส่วนของการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีขนส่ง และบริการขนส่งพัสดุ จะทำให้ บขส. สามารถล้างหนี้สะสมที่มีอยู่ทั้งหมดได้ภายใน 4 ปีนับจากนี้ ทั้งนี้ บขส. ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้จากปัจจุบัน 1,998 ล้านบาท เพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาท ภายใน 2 ปี โดยจะเน้นการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการเดินรถเป็น 2,500 ล้านบาท จากเดิม 1,200-1,300 ล้านบาท
ขณะที่รายได้จากสถานีในเชิงพาณิชย์จะอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท และเพิ่มรายได้จากการขนส่งพัสดุภัณฑ์จาก 200 กว่าล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท โดยมีกลยุทธ์ในการขยายจุดรับพัสดุทั่วประเทศ และพัฒนาระบบการขนส่งให้ง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น ด้วยบริการ “ส่งเช้าถึงเย็น ส่งเย็นถึงเช้า” ส่วนสถานะทางการเงินของ บขส. มีผลขาดทุนสะสมกว่า 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันในปีที่ผ่านมา บขส. มีผลขาดทุนลงเหลือเพียง 170 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายที่จะพลิกกลับมามีกำไรได้ในปี 69 จากการบริหารจัดการ รวมถึงการเปิดเดินรถโดยสารใหม่ และการขนส่งสินค้าด้วย.
...