"รมว.พาณิชย์" ย้ำไทย-จีนเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจสำคัญ มั่นใจรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ทำเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าขยายการค้า การลงทุน ส่งออกสินค้าเกษตร อาทิ มัน ทุเรียนไปจีน

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้ปาฐกถาพิเศษในงานดินเนอร์ทอล์ค "50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน" จัดโดยหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งความสัมพันธ์ไทย-จีนเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นมาอย่างยาวนาน ไทยยังคงเดินหน้าส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ควบคู่กับการยกระดับความร่วมมือในประเด็นการค้าสมัยใหม่ ทั้งด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยีและเศรษฐกิจสีเขียว

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เติบโตเฉลี่ยเพียง 1.9% และแม้จะมีความท้าทายจากภาระหนี้ แต่มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน โดยเฉพาะด้านการส่งออก เห็นได้จากในช่วง 8 เดือน ภายใต้การบริหารของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี การส่งออกไทยเติบโตถึง 13.3% ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา รวมถึง 5 เดือนแรกของปี 2568 ที่การส่งออกเติบโตถึง 14.9% โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคมขยายตัวถึง 18.4% สะท้อนถึงศักยภาพและความสามารถการแข่งขันของสินค้าไทย โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ที่ไทยกำลังก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิตอันดับต้นของโลก

นายพิชัย กล่าวต่อว่า การส่งออกที่เติบโตไม่ใช่เพียงเพราะแรงสนับสนุนจากสถานการณ์ภายนอกเท่านั้น แต่เกิดจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 2.58 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความมั่นคงในภาคการผลิตและการส่งออก โดยเฉพาะการลงทุนจากจีนในภาคเทคโนโลยีขั้นสูง ในด้านความร่วมมือกับจีนนั้น ไทยยังคงรักษาความสัมพันธ์อันดีอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับรัฐบาลจีนเกี่ยวกับประเด็นด้านการค้าหลายด้าน เช่น การตรวจสอบคุณภาพสินค้าด้อยคุณภาพและนอมินี การนำเข้ามันสำปะหลังจากไทยถึง 9.20 ล้านตันหัวมันสด (คิดเป็น 3.87 ล้านตันมันเส้น) มูลค่า 23,765 ล้านบาท เพื่อลดผลกระทบจากราคาตลาดโลก และความร่วมมือในการส่งออกทุเรียนไทย ซึ่งจีนให้ความร่วมมือในการลดอัตราการตรวจสอบลงเหลือ 30% และเปิดโอกาสให้ล้งที่มีคุณภาพสามารถส่งออกได้มากขึ้น

...

นอกจากนี้ ยังหารือถึงแนวทางในการลดความเหลื่อมล้ำทางการค้า โดยขอให้จีนเพิ่มการนำเข้าสินค้าไทยเพื่อลดการขาดดุลทางการค้า ซึ่งปัจจุบันไทยขาดดุลจีนมากกว่า 1.7-1.8 ล้านล้านบาทต่อปี รวมถึงการเร่งใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ให้ได้มากที่สุด ซึ่งอาเซียนและจีนได้สรุปผลการเจรจายกระดับความตกลง ACFTA หรือ ACFTA 3.0 ได้แล้วเมื่อเดือนที่ผ่านมา และการใช้ประโยชน์จากความตกลง FTA ฉบับอื่น เช่น กับอียู ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปการเจรจาได้ภายในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ไทยยังมุ่งหวังให้ประเทศเป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI ดาต้าเซ็นเตอร์และเซมิคอนดักเตอร์ โดยปัจจุบันมีการลงทุนจากบริษัทชั้นนำของโลกทั้งจากจีนและสหรัฐฯ เข้ามาในไทย เช่น TikTok ที่ประกาศลงทุนในไทยมูลค่า 8.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ และการลงทุนจากสหรัฐฯ ในดาต้าเซ็นเตอร์กว่า 5 พันล้านเหรียญ ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของภูมิภาค

นายพิชัย กล่าวอีกว่า ไทยในฐานะประเทศขนาดเล็กจำเป็นต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ในการเจรจาและดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างจีนและสหรัฐฯ และนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจไทย พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือระหว่างไทย-จีนจะยังคงแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นและร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคดิจิทัลและพลังงานสะอาดได้อย่างยั่งยืนซึ่งจีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีนอยู่ที่ประมาณ 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวขึ้นจากปีก่อนถึง 24.2%