“ยุทธนา แพรดำ” อธิบดีดีเอสไอ เผยเจอตัวน้องเขย “มานัส ศรีอนันท์” ที่ จ.เพชรบูรณ์ 1 ใน 3 ผู้ถือหุ้นใหญ่ บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ยันเจ้าตัวทำอาชีพรับจ้างขับรถส่งของ-ยกของให้บริษัทเท่านั้น รับเงินค่าจ้างรายวัน เป็นพนักงานธรรมดาเท่านั้น / ระบุมีอุปสรรคติดตามเอกสารที่เกี่ยวข้อง หลัง “บ.ไชน่าฯ” มีพฤติการณ์ย้ายสำนักงานหลายแห่งหลังเกิดเหตุ ชี้เป็นข้อสันนิษฐานได้ว่าบริษัทฯ อาจไม่ได้มีการประกอบกิจการจริง / ย้ำดีเอสไอเร่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน หลังสังคมตั้งคำถาม กว่า 10 วันผ่าน แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่สามารถดำเนินคดีบุคคลรายใดได้

เมื่อวันที่ 9 เม.ย. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีนอมินี อาคาร สตง.ถล่ม ว่า ภายหลังจากที่ตนได้มอบหมายนโยบายให้พนักงานสอบสวนลงพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐานและแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีนอมินี เบื้องต้นยังคงเน้นการพิสูจน์ในความผิดเรื่องนอมินี การถือหุ้นอำพรางของคนไทย ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้สืบสวนจนพบเจอกับญาติ ซึ่งเป็นน้องเขยของนายมานัส ศรีอนันท์ 1 ใน 3 คนไทย ผู้ถือหุ้นใน บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ที่ จ.เพชรบูรณ์ แต่ไม่เจอตัวนายมานัส โดยญาติได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่านายมานัส ทำอาชีพรับจ้างอยู่ภายในบริษัท มีรายได้ไม่เยอะ รับเป็นรายวัน มีการขับรถส่งของ-ยกของเท่านั้น เชื่อได้ว่าไม่ได้มีสถานะเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นภายในบริษัท เป็นเพียงพนักงานธรรมดา ขณะนี้เรียกได้ว่าญาติของนายมานัส ถือเป็นพยานรายที่สองที่ดีเอสไอได้เจอตัวและได้สอบถามข้อมูล ภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้พบเจอภรรยาของนายประจวบ ศิริเขตร ที่จังหวัดร้อยเอ็ด

ส่วนประเด็นที่หาก 3 กรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทยประสงค์เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อคดี จะสามารถกันเป็นพยานได้หรือไม่นั้น ตามหลักการแล้วจะมีหลักเกณฑ์ของการกำหนดกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นพยานในคดีอาญา ซึ่งหมายรวมไปถึงการให้รายละเอียดและประเด็นที่เกี่ยวข้องกับในสำนวนที่เจ้าตัวจะให้ด้วย

...

พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า สำหรับกรอบการทำงาน ดีเอสไอพยายามทำงานให้เร็วที่สุด พยายามเร่งที่สุด หากติดตามจนเจอตัวพยานก็จะได้ทำการสอบสวนปากคำ แต่ถ้าติดตามแล้วยังไม่พบตัวก็ต้องขยายเวลาออกไปเล็กน้อย แต่จะไม่กระทบกับหลักการสอบสวนในประเด็นอื่น หรือการรวบรวมพยานหลักฐานอื่น ส่วนอุปสรรคในการติดตามพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ เราพบข้อมูลตามการรายงานว่ามีการย้ายสำนักงานหลายแห่ง ยิ่งเป็นข้อสันนิษฐานและพยานหลักฐานได้ว่า บริษัทฯ อาจไม่ได้มีการประกอบกิจการที่เป็นหลักเป็นฐานจริง เช่น การมีที่อยู่เดียวกันกับหลายบริษัท หรือพอเกิดเหตุขึ้นกลับมีการปิดสำนักงานบางจุดแล้วย้ายไปที่อื่นแทน มันก็ยิ่งสอดคล้องกับการที่อาจไม่ได้มีการตั้งบริษัทที่เป็นหลักเป็นฐานจริง ๆ ซึ่งแม้ว่าอาจจะไม่ใช่เป็นการทำลายพยานหลักฐาน แต่ดีเอสไอก็สามารถเก็บรวบรวมร่องรอยหลักฐานที่เหลือได้

ขณะนี้ดีเอสไอได้รับดำเนินคดีพิเศษในฐานความผิดการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือคดีนอมินี ซึ่งในเรื่องของวัสดุก่อสร้าง เหล็กต่าง ๆ ดีเอสไอก็จะขยายผลดูในเรื่องของความผิดเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพัน ทั้งกรณีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และรวมไปถึงการฮั้ว เมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการลงพื้นที่ในส่วนใด ดีเอสไอก็จะต้องเข้าไปร่วมบูรณาการด้วย ไม่ว่าจะเป็นกรมโยธาธิการและผังเมือง หรือสำนักงานผลิตภัณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อเก็บตัวอย่าง เศษวัสดุ หรือสิ่งใดที่จะใช้เป็นของกลางในคดีใช้พิสูจน์ประเด็นต่าง ๆ สำหรับกรณีที่สังคมตั้งคำถามว่าผ่านเวลามากกว่า 10 วัน แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถพิจารณาดำเนินคดีบุคคลรายใดได้นั้น ตนขอชี้แจงว่าดีเอสไอยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ยังต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน หากจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือดำเนินคดีกับบุคคลใด หรือออกหมายจับใคร ยืนยันว่าดีเอสไอยังคงเร่งรัดดำเนินการอย่างเต็มที่

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับการประสานจาก 1 ใน 11 ตัวแทนกิจการร่วมค้าที่ บ.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วม มาเข้าให้ข้อมูลรายละเอียดกับดีเอสไอ โดยนัดหมายเวลา 09.30 น. ที่ห้องสำนักงานรองอธิบดีฯ ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ชั้น 8 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ล่าสุดมีรายงานว่า ตัวแทนกิจการร่วมค้า จำนวน 3 ราย ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแล้ว ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการให้ข้อมูล