นายเจษฎา จันทรประภา ผอ.สำนักการระบายน้ำ (สนน.) กล่าวว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่กรุงเทพฯอาจเผชิญภาวะจมน้ำ หรือถูกน้ำทะเลรุกล้ำจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และการทรุดตัวของพื้นที่เมืองในระยะยาวนั้น กทม.ได้ติดตามสถานการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและระดับน้ำทะเลอย่างใกล้ชิดร่วมกับหลายหน่วยงาน เช่น สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) กรมอุทกศาสตร์ กรมชลประทาน เป็นต้น เพื่อประเมิน ความเสี่ยงและวางแผนรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตแล้ว
ผอ.สนน. กล่าวอีกว่า ส่วนด้านโครงสร้างพื้นฐานได้วางแนวทางป้องกัน และปรับตัวทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว มีการดำเนินการ ที่เป็นรูปธรรม อาทิ การพัฒนาระบบระบายน้ำโดยอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำ ปัจจุบัน กทม. มีอุโมงค์ระบายน้ำที่เปิดใช้งานแล้ว 4 แห่ง ประสิทธิภาพการระบายน้ำรวม 195 ลบ.ม./วินาที และอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างอีก 4 แห่ง รวมถึงมีแผนที่จะดำเนินการอีก 5 แห่ง รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถกำลังสูบของสถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำตามแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา และตามคลองสายหลักต่างๆ ทั้งนี้ ปัจจุบัน กทม. มีสถานีสูบน้ำ 200 แห่ง ประตูระบายน้ำ 243 แห่ง และบ่อสูบน้ำ 349 แห่ง อีกทั้งมีแนวป้องกันน้ำ แนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ คลองชักพระ และคลองพระโขนง.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม