"ภูมิธรรม" นั่งหัวโต๊ะประชุม กพค. พิจารณาคดีฮั้วเลือก สว. ลุ้นรับไม่รับเป็นคดีพิเศษ พบขาดกรรมการไม่เข้าร่วม 3 คน ด้าน สว. -ทนายอั๋น ขอทำหน้าที่ตรงไปตรงมา
วันที่ 6 มี.ค. 68 การประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานและ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นรองประธานมีวาระพิจารณารับหรือไม่รับคดีฮั้วการเลือก สว. หลังจากมติการประชุมเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ให้เลื่อนการพิจารณามาเป็นวันนี้เพราะต้องรอความเห็นและตัวแทน กกต. มาร่วมประชุมแต่วันนี้ กกต. ก็ไม่ได้ส่งตัวแทนมาร่วมประชุมแต่อย่างใด
ขณะที่การประชุมวันนี้ มีคณะกรรมการเข้าประชุมทั้งหมด 19 คน และขาดกรรมการที่ไม่มาเข้าประชุมสามคน คือ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.สำราญ นวลมา และนายเพ็ชร ชินบุตร ซึ่งทั้งสามคน เป็นกรรมการที่ไม่ได้มาเข้าร่วมประชุมเมื่อครั้งก่อน
ทั้งนี้ ก่อนการประชุมที่ด้านล่างของอาคารสำนักงานกระทรวงยุติธรรม มีกลุ่มตัวแทน สว.สำรอง และผู้สมัคร สว. แต่ละสายได้เดินทางมาให้กำลังใจคณะกรรมการคดีพิเศษ ที่จะพิจารณารับหรือไม่รับคดีฮั้วเลือก สว. โดยได้ถือป้ายข้อความให้กำลังใจและขอให้คณะกรรมการทุกคนพิจารณา ด้วยความตรงไปตรงมา
โดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 2 กล่าวว่า ที่กลุ่มตัวแทนผู้สมัคร สว. ทั้งหมดรวมตัวกันมากระทรวงยุติธรรมวันนี้ก็เพื่อต้องการจะติดตามและมาให้กำลังใจการทำงานของคณะกรรมการทุกคน และสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ และคดีนี้ก็เป็นคดีที่ถูกกระทำโดยคนกลุ่มหนึ่ง ที่วางแผนจะดำเนินการมาตั้งแต่ต้น และตนเองรวมถึงผู้สมัคร สว. อีกหลายคนก็ยืนยันว่าได้พบและเห็นหลักฐานการกระทำผิดในกระบวนการเลือก สว. ทุกอย่างและหลักฐานทั้งหมดก็ได้ส่งให้เจ้าหน้าที่นำไปสอบสวน จึงหวังว่าการประชุมของคณะกรรมการพิเศษวันนี้จะออกมาตรงกับพยานและหลักฐาน
...
พร้อมย้ำด้วยว่า กระบวนการเลือก สว. และการพิจารณาสอบสวนคดีนี้ ไม่ควรนำเอาไปเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับการเมือง และคณะกรรมการพิเศษทั้ง 22 คนถือเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละด้าน เมื่อได้เข้ามาทำหน้าที่นี้แล้ว ก็ต้องเชื่อมั่นในการทำงานและการพิจารณาของคณะกรรมการทุกคนว่าจะใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และหน้าที่มาพิจารณาเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และตนเองก็มั่นใจในข้อมูลและหลักฐานที่ส่งไปให้ดีเอสไอ คิดว่าเพียงพอที่จะเปิดคดีนี้ให้เป็นคดีพิเศษได้
ส่วนการจะไปตกลงอะไรยังไงกันในทางการเมืองนั้น ตนเองก็ไม่อยากรับรู้ เพราะต้องการให้เรื่องนี้ดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย เพราะเมื่อมีคนทำผิด และพวกตนเองไปร้องก็ต้องมีการดำเนินการสอบสวนตามกฎหมาย หากสุดท้ายแล้วการสอบสวนสาวไปถึงคนที่กระทำผิด ผลจะออกมาเป็นบวกหรือลบก็ช่วยไม่ได้ แต่จะเอาการเมืองมาเป็นเรื่องต่อรองก็คงไม่ได้ เพราะคดีนี้ไม่ใช่คดียักยอกทรัพย์ หรือยอมความกันได้ เพราะถือเป็นคดีอาญา เมื่อมาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องเดินไปให้ถูกทางว่าไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน
ขณะที่วันนี้ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ก็ได้มาติดตามผลการประชุมคณะกรรมการพิเศษเช่นกัน โดยได้ยกเอาศาลไคฟง และเปาปุ้นจิ้น พร้อมกับเครื่องประหารหัวสุนัข มาแสดงเชิงสัญลักษณ์ ขอให้การประชุมของคณะกรรมการพิเศษวันนี้พิจารณาอย่างตรงไปตรงมา