ผู้เสียหายโผล่อีก 2 ราย ร้อง "เจ๊กล้วย" เจ้าของหมาอัลเวลที่หายไปในช่วงเคาท์ดาวน์ปีใหม่ พบเป็นคนเดียวกับที่เคยชวนลงทุนออมทอง ผ่านมา 3 ปี ยังไม่ได้เงิน
จากกรณีดราม่า น้องหมาชื่อ "เจ้าทองดี" หายไปในคืนเคาท์ดาวน์ ก่อนมีสาวหล่อไปเจอหมาแล้วส่งคืนเจ้าของ แต่อดได้เงินรางวัล จนเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ ซึ่งต่อมาเจ้าของหมายอมจ่ายเช็ค 2 หมื่นบาท ให้เจ้าของร้านหมูกระทะ ที่เป็นคนเจอคนแรก แต่ทางร้านประกาศไม่ขอรับเงินจึงได้มอบเงินจำนวนนี้ต่อให้กับสาวหล่อให้เรื่องจบ พร้อมกับเพิ่มเงินให้อีก 3 หมื่นบาท เพื่อนำไปบริจาคให้สุนัขจรจัด แต่ก็เกิดเป็นดราม่าขึ้นอีกครั้ง เมื่อหลายคนเห็นว่าทางเจ้าของหมานั้น เขียนเช็คโดยระบุ พ.ศ. ซึ่งจะสามารถขึ้นเงินได้ในอีก 100 ปีข้างหน้า จากนั้นก็ได้มีเหยื่อต่างๆ ออกมาแฉพฤติกรรมเจ้าของหมาอีกในประเด็นเรื่องหลอกลงทุนออมทอง
ล่าสุด วันที่ 10 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสสัมภาษณ์ นายอาท (นามสมมติ) ผู้เสียหายจากการชวนลงทุนออมทอง หลังจากจบรายการโหนกระแส โดยนายอาทเล่าว่า ตนถูกประกันโกง และได้โพสต์ลงในโซเชียล ต่อมา คุณกล้วย ได้ทักมาหาตน และเสนอเรื่องประกันต่างๆ แต่ตนก็ไม่ได้สนใจ กระทั่งตนมาพบว่าคุณกล้วยคนดังกล่าว โพสต์ Facebook ว่าขายคอนโดได้ 1,000 กว่าล้าน ซึ่งเป็นนายหน้า และมีไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา พาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศ
กระทั่งผ่านไปห้าปี คุณกล้วยได้ทักหาตนว่าจะมีการลงทุนออมทอง และจะมีเงินปันผล โดยตนก็ได้ลงทุน และค่าอะไรต่างๆ ไปรวมแล้ว 400,000 กว่าบาท แต่กลับไม่ได้เงินปันผลอะไรเลย โดยคุณกล้วยก็บอกว่าจะได้ แต่ตนก็ไม่เคยได้รับมาเลยตลอด 3 ปี ที่ผ่านมาจะมีการอ้างว่า Facebook โดนแฮ็ก LINE โดนแฮ็ก แล้วต้องเปลี่ยน Account อันอื่นมาคุยตลอด ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวก็เป็นเงินที่ตนเก็บมากับภรรยา และจะใช้แต่งงานด้วยกัน ทำให้ตนต้องไม่ได้แต่งงานจนผ่านไปกว่าสองปีถึงจะได้แต่ง
...
เมื่อตนพบเห็นในรายการโหนกระแส จึงได้พิมพ์ข้อความไปบอกทางรายการ และได้ออกรายการในวันนี้ ซึ่งตนก็หวังว่าจะได้เงิน และไม่อยากเป็นคดี เพราะตนต้องดูแลครอบครัว วันนี้ตนก็แค่มาระบาย และมาเตือนว่าเงินไม่ได้มาง่ายๆ แล้วตนก็สงสัยว่าบริษัทดังกล่าวที่คุณกล้วยอ้างมีจริงหรือไม่ และจะคืนเงินตนเมื่อไร
ด้าน นางสาวฝน (นามสมมติ) อายุ 38 ปี ผู้เสียหายรายที่ 2 อ้างว่า ตนเองได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านแถวรังสิต เมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี 2562 โดยตนได้ทำธุรกิจขายส่งของสด ได้มีการเอาโบชัวร์ไปแจกตามบ้านต่างๆ หลังจากนั้นทางคุณกล้วยติดต่อตนมาบอกอยากสั่งของ จึงพูดคุยกันมาเรื่อยๆ แล้วเขาก็บอกตนว่า เขาปล่อยเงินกู้อยู่ หากใครสนใจแนะนำมาหาเขาได้ เดี๋ยวมีค่านายหน้าให้ ผ่านไปสักพักตนมีปัญหาทางการเงิน จึงได้ไปขอกู้จากเขา 50,000 บาท
เขาก็บอกตนว่า ต้องมีการวางเงินค้ำประกันประมาณ 5,000 บาท ตนก็โอนไปให้เขา จากนั้นตนก็ยังไม่ได้รับเงิน ตนก็เลยขอเงินคืน เขาก็บอกว่าหากจะขอคืน ต้องมีค่าดำเนินการอีก ตนก็โอเค แล้วเขาก็มาบอกตนอีกว่าหากจะขอคืนตอนนี้มันจะได้ไม่เต็ม แล้วเขาก็บอกตนว่าจะให้ยอดกู้เพิ่มอีก แต่ตนต้องจ่ายค่าทำสัญญา แล้วก็วนแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยตนจ่ายให้เขาไปรวมๆ 480,000 บาท จนตนไม่มีเงินแล้ว
ตนเลยบอกเขาไปว่าตนไม่กู้แล้ว เขาเลยบอกว่า หากตนไม่เอาเดี๋ยวจะมีหมายศาลไปหาที่บ้าน ตนก็ถามว่าเรื่องอะไร เขาบอกว่าตนทำเอกสารปลอม ซึ่งเอกสารตัวนี้เป็นตัวเขาเองที่ทำให้ว่าตนทำงานที่บริษัทเขา เพื่อจะได้ยื่นกู้ทำเรื่องง่าย ซึ่งตนไม่ได้เป็นคนทำ และไม่เคยเห็นเอกสารเลย ตนก็เลยบอกเขาไปว่าถ้ามีหมายศาลก็มี เขาก็เลยไม่พอใจตนแล้วขู่ตนประมาณว่า ระวังไว้เถอะ คนแบบมึงจะไม่ตายดี ตนกลัว จึงได้ย้ายออกจากบ้านที่รังสิตไปอยู่ที่ใหม่
จากนั้นตนก็ได้ไปรู้จักกับทนายความคนหนึ่ง เขาก็ยื่นมือมาช่วย จึงยื่นฟ้องคุณกล้วยในคดีฉ้อโกง ซึ่งตอนนี้เรื่องอยู่ที่ศาลแล้ว เขาก็รับสารภาพ และมีการจ่ายเงินให้ตนมา 50,000 บาทที่ศาล และตกลงกันว่าเขาจะจ่ายให้ตนอีกเดือนละ 25,000 บาท แต่เขาจ่ายมาแค่ 2 ครั้งก็ไม่จ่ายอีกเลย พอตนโทรไปทวง เขารับสายแล้วบอกประชุมอยู่ แล้วก็เงียบไป พอตนโทรไปอีกครั้ง เขาก็บอกตนว่า การที่เขารับสายตนในรอบแรกนั้นถือว่าการทวงหนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว และหากตนโทรหาเขาครั้งที่ 2 แบบนี้มีความผิด พ.ร.บ.ทวงหนี้ ที่โทรหาลูกหนี้เกิน 1 ครั้งต่อวัน เขาก็เอากฎหมายมาขู่ตน
พอนัดกันที่ศาลรอบต่อมาเขาก็ถึงเอามาจ่ายตนอีก 100,000 บาท แล้วเขาก็เงียบไม่จ่ายอีกเลยตอนนี้ จนสุดท้ายศาลตัดสินให้เขามีโทษจำคุก 1 ปี 5 เดือน โดยไม่ต้องรอลงอาญา แต่เขาได้ไปมอบตัวที่ศาลและยื่นประกันตัวออกมา ก่อนที่เขาจะยื่นอุทธรณ์ ซึ่งในวันที่ 20 มกราคมนี้ จะไปขึ้นศาลกัน