ถึงเวลาต้องคืนเก้าอี้กลับไปทำหน้าที่เดิม
หลังจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปลดล็อก ส่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เดินเข้าสู่ “รั้วปทุมวัน” นั่งเป็น “ผู้นำสีกากี” อีกครั้ง ทำให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หมดภารกิจ “ขัดตาทัพ” ขยับดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบหน้างานที่ได้รับมอบหมายเหมือนเก่า
ทว่ายังมีชนักติดตัวจากการลงนามคำสั่งสำคัญให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล นายพลคนดังออกจากราชการไว้ก่อน
ยุ่งยากจนต้องนัดประชุม ก.ตร.พิจารณาความลงมติเอกฉันท์ด้วยคะแนน 12-0 เป็นคำสั่งที่เห็นชอบด้วยกฎหมายตามที่อนุกรรมการ ก.ตร.เสนอ
เจ้าตัวถึงขนาดต้องเปิดให้สัมภาษณ์ระบายความในใจ ตอกย้ำเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย ก่อนนำไปแถลงในที่ประชุม ก.ตร.รับทราบที่มาที่ไปและเหตุผลในการออกคำสั่ง
แล้วออกมานอกห้องระหว่างที่ประชุม “เคาะมติ” เนื่องจากมีส่วนได้ส่วนเสีย
ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนแม่ทัพ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐยืนยันทำหน้าที่ด้วยความสุจริตใจ ใช้ดุลพินิจอย่างรอบคอบ ไม่ได้ต้องการขัดแข้งขัดขา อย่างที่นายพลรุ่นน้องตั้งข้อสังเกต “ผลที่ออกมา ไม่ได้มีความรู้สึกดีใจ หรือเสียใจ อันเนื่องมาจากการพิจารณาออกคำสั่งเป็นไปตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง และพฤติการณ์ตามความร้ายแรงที่เกิดขึ้น เพราะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน”
หากจะมีการฟ้องร้องเอาผิดเป็นสิทธิที่คู่กรณีจะทำได้
“เป็นธรรมดาที่ตำรวจจะโดนฟ้องจากผู้จับกุม ผู้ที่ถูกตรวจค้น แต่อยากให้มองว่าพวกเราทำด้วยความสุจริตใจ ไม่ได้มีเจตนาใดแอบแฝง สามารถตอบและชี้แจงต่อหน่วยงานและองค์กรต่างๆได้” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐว่า
...
ไม่ได้วิตกกังวลอะไร.
สหบาท