กีฬาสีหลงฤดู การเมืองไม่นิ่ง เศรษฐกิจในช่วงขาลง เสถียรภาพรัฐบาลย่อมสั่นคลอนเป็นธรรมดา นอกจากกีฬาสี ชิงอำนาจการเมือง กันแล้ว ศึกสีกากี ยังเป็นหนังเรื่องยาว คดีการเมืองที่ค้างท่ออยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคก้าวไกล การขาดคุณสมบัติของนายกฯเศรษฐา ทวีสิน น่าจะจบในเดือนนี้หรืออย่างช้าก็ไม่เกินต้นเดือนหน้า คดีที่ ป.ป.ช. เตรียมชี้มูลความผิด นายกฯเศรษฐา ในการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ข้ามขั้นตอนตามคำร้องของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย การนัดไต่สวนคดีม.112 ของอดีตผู้นำ ทักษิณ ชินวัตร หรือการพิจารณาคำร้อง ยุบพรรคภูมิใจไทย ของ กกต. แถมท้ายด้วยการประกาศรับรอง สว.ชุดใหม่ที่ไม่โปร่งใส ประเทศไทยในสายตาต่างชาติ คงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ส่วนคนไทยคงชินชาแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ว่าด้วยเรื่อง ศึกสีกากี ชนวนเหตุจากคนสองคน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้กลับเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร. ตามคำสั่ง นายกฯเศรษฐา แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ไม่ได้กลับในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ในฐานะคู่กรณีที่มีข้อกล่าวหาคดีอาญาทั้งคู่ คนหนึ่งได้ แต่อีกคนหนึ่งไม่ได้ เพราะ มติ ก.ตร. ที่มี นายกฯเศรษฐา เป็นประธาน และลงความเห็น 1 ใน 12 ก.ตร. เป็นเอกฉันท์ คำสั่งออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมาย ส่วนความเห็น กฤษฎีกา ที่ระบุว่าคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ถ้าไม่เข้าข่ายเงื่อนไขที่ระบุไว้ ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ก่อน
เพราะฉะนั้น จึงเหลือเส้นทางให้ บิ๊กโจ๊ก เดินน้อยเต็มที ฟ้องร้องผู้ออกคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย รอความเห็นของคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมฯ จะออกหัวออกก้อย ส่วน นายกฯเศรษฐา ก็เหลือทางถอยอีกก้าวเดียวคือ นำคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อให้คำสั่งสมบูรณ์ หรือจะไปสู้ความในศาล ยืนยันความถูกต้องจากมติ ก.ตร. ซึ่งคำร้องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปยัง คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. ที่มีกรอบการพิจารณาภายใน 120 วัน ก็ไม่แน่ว่าจะถึงที่สุด
...
หลายคนยลตามช่อง บ้างว่า เป็นการสกัดบิ๊กโจ๊กออกจากแวดวงสีกากี เพราะการออกมาแฉของบิ๊กโจ๊ก เป็นการทำลายองค์กรตำรวจ ทั้งระบบ บ้างก็ว่า เป็นเรื่องของตำแหน่ง ผบ.ตร. คนต่อไป แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าบิ๊กต่อจะอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ตร. จนเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หรือสมัครใจลาออกก่อนเกษียณอายุราชการก็ออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร. โดยปราศจากมลทิน เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด
แต่ บิ๊กโจ๊ก ถูกออกจากราชการโดยคำสั่งทางราชการและมติที่ประชุม ก.ตร. ย่อมเป็นมลทินติดตัว ถึงจะพิสูจน์ในชั้นศาลได้ว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ และได้ตำแหน่งกลับคืน ก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ รวมทั้งการขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร. ที่อยู่แค่เบื้องหน้า แต่กลับไกลเกินเอื้อม
จะถูกจะผิดอย่างไรก็เป็นอีกเรื่อง แต่ในความรู้สึกของผู้ถูกกระทำ ย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดา บาดเจ็บที่ร่างกายยังรักษาหายแต่เจ็บที่ใจรักษายาก เส้นทางของบิ๊กโจ๊กยังอีกยาวไกลเพราะการทวงคืนไม่มีเกษียณอายุ
แต่คู่กรณีไม่ว่าจะไปรับตำแหน่งใหญ่ในมหาดไทยหรือเส้นทางอื่นก็มีวันหมดอายุ.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th