ขาใหญ่สักลายทั้งตัว ก่อเหตุทุบทำลายรถยนต์คู่กรณี ขึ้นโรงพักแจ้งจับตัวเอง ตำรวจบอกให้รอหมายเรียกก็ฮึดฮัด พกมีดบุกห้องสายตรวจ ขอนอนโรงพักบอกที่บ้านไม่มีแอร์ อยากติดคุก เพื่อนรออยู่ในเรือนจำเยอะ สุดท้ายลงไปไล่ต่อยพนักงานสะดวกซื้อและลูกค้าในร้าน ได้เข้าห้องขังสมใจ ตรวจประวัติพบมีหมายจับวิ่งราวทรัพย์
เวลา 04.48 น. วันที่ 11 มิ.ย. 67 ขณะ ร.ต.ต.อนัน รักษาภักดี เจ้าหน้าที่ประจำวัน สภ.เมืองนนทบุรี กำลังปฏิบัติอยู่บนโรงพัก ได้มีชายวัยรุ่นสวมเสื้อยืดสีดำ เดินขึ้นมาแจ้งว่า เมื่อตอนกลางวัน (10 มิ.ย. 67) ได้ไปก่อเหตุทำลายรถชาวบ้าน ซึ่งตน (ร.ต.ต.อนัน) ได้บอกว่าตำรวจยังจับกุมตัวไม่ได้ ให้รอร้อยเวรออกหมายเรียกมาสอบก่อนตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ไม่เชื่อฟัง ได้ลงไปห้องสายตรวจแต่พกมีดไปด้วย ทางตำรวจสายตรวจได้ยึดมีดเอาไว้ แล้วว่ากล่าวให้กลับที่พัก แต่ไม่ยอมกลับ เดินย้อนกลับขึ้นมาบนโรงพักอีก ชายดังกล่าวบอกว่าจะนอนโรงพักให้ได้ บอกว่าที่บ้านไม่มีแอร์ อยากติดคุก เพื่อนรออยู่ในเรือนจำเยอะ ก่อนจะออกจากโรงพักไปต่อยพนักงานร้านสะดวกซื้อกับลูกค้าภายในร้าน ตรงท่าน้ำนนทบุรี ข้างโรงพัก ก่อนที่พนักงานร้านสะดวกซื้อกับลูกค้าที่ถูกต่อย พากันมาโรงพักพร้อมชายเสื้อดำที่ก่อเหตุ แล้วมาโต้เถียงกันอีกรอบ ผู้ก่อเหตุท้าผู้เสียหายกล้าแจ้งความเหรอ ก่อนจะเดินออกไปใช้รองเท้าปาใส่ผู้เสียหาย ตำรวจจึงได้จับกุมนำตัวเข้าห้องขัง หลังจากนั้นได้ตรวจสอบประวัติพบว่าชื่อ นายนฤเมศร์ แก้วปู่วัด อายุ 27 ปี อยู่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. มีหมายจับศาลอาญา ที่ จ.267/2563 ข้อหา ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม เหตุเกิดพื้นที่ สน.บางเขน จึงได้ประสาน สน.บางเขน ให้ทราบ
...
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายอัครพล อายุ 32 ปี กล่าวว่า เมื่อวาน (10 มิ.ย. 67) ตนพร้อมด้วยภรรยาและลูกชายวัย 8 เดือน ไปกินข้าวร้านอาหารภายในกระทรวงสาธารณสุข หลังจากกินเสร็จ ได้ขับรถออกเพื่อกลับบ้าน ปกติจะออกทางประตูด้านหน้าถนนติวานนท์เพื่อไปทางแคราย แต่ตนอยากออกทางด้านซอยศิริชัย หรือซอยกรุงเทพนนท์ 12 แต่ตนไม่ชินทางเลยกลายเป็นว่าหลงทาง เลยวนรถเพื่อจะกลับเข้ากระทรวงสาธารณสุขอีกรอบ แต่ประตูปิดเลยวนกลับไปซอยศิริชัย สักพักเห็นคู่กรณีสวมชุดไรเดอร์ ขี่รถ จยย.ตามหลังมาประมาณ 2 เมตร ตนจึงเบี่ยงรถให้เขาไป พอแซงหน้าไปแล้วเขาหยุดชะลอรถนิดนึง แล้วเขาก็ทำท่ายกมือให้นิ้วกลาง เหมือนเขาโมโหว่าตนไปขับรถปาดหน้าเขา ซึ่งตนไม่ได้ปาดหน้าและยกมือไหว้ขอโทษเขาแล้ว 4 ครั้ง รถตนกระจกใส เขาน่าจะเห็นว่ายกมือไหว้ขอโทษ เขาก็ขับรถไปข้างหน้า แล้วจุดแรกตรงโกดังสีน้ำเงินในซอยศิริชัย ตนก็ขับรถไป แต่เหมือนเขาจะวนรถกลับมาอีกรอบ ที่นี้เขาเอารถ จยย.จอดขวางหน้ารถเลยไปไหนไม่ได้ แฟนกับลูกก็อยู่ในรถ แล้วคู่กรณีได้เร่งเครื่อง จยย.ชนด้านหน้ารถตน 4 ครั้ง จนแผ่นป้ายทะเบียนหลุด จึงถอยรถแล้วขับหนีออกไปทางปากซอยกรุงเทพนนท์ 12 คู่กรณีก็ขับตามมา แฟนได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ 191 ตอนชนครั้งแรกไม่ได้ถ่ายคลิปไว้ เพราะไม่คิดว่าจะเอาเรื่องเพราะแค่นิดเดียว จนรอบสองตนจอดรถปากซอย เขาขี่ตามมาแล้วยื่นป้ายทะเบียนให้เหมือนจะให้ตนเปิดกระจก แต่ตนไม่ยอมเปิด เพราะดูแล้วคงไม่หวังดีหรอก ถ้าเปิดไปคงโดนแน่ ก็ทำท่าให้เขาวางไว้ที่หน้ารถ เขาก็โมโห ปาแผ่นป้ายทะเบียนไปด้านหน้ารถ แล้วก็เดินไปกระทืบแผ่นป้ายทะเบียนซ้ำ ซึ่งขณะเกิดเหตุมีชาวบ้านเห็นเยอะและมีตำรวจนอกเครื่องแบบ น่าจะออกเวรไปแล้ว เดินเข้ามาช่วยและก็วิทยุแจ้งไปสถานีตำรวจให้ ระหว่างนั้นคู่กรณีได้เข้ามากระทืบหน้ารถตนอีก และพังกระจกที่เห็นตามคลิป กระทืบกระจกด้านขวาจนหัก พอเขาระบายอารมณ์เสร็จ ตนก็ตะโกนบอกว่าในรถมีลูกนะ แล้วเขาก็พูดว่ารู้แล้ว ทำไมขับรถแบบนี้ แล้วเขาก็หยิบไม้ออกมาโยนใส่ตะกร้าหน้ารถ รู้เลยว่าคือมีด แล้วเขาก็พูดว่าผมจะไปวิ่งงาน จะไปส่งแทนเขาไหมล่ะ แล้วเขาก็ขี่รถออกไปเลย หลังจากนั้นตำรวจได้แนะนำให้ไปแจ้งความ
น.ส.รินทร์ลภัส (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ภรรยา กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ และนำคลิปให้ตำรวจสืบสวนดู ก่อนที่ตำรวจสืบสวนจะโทรศัพท์ไปหาตำรวจคนที่เข้ามาช่วยเหลือ และทราบว่าคนก่อเหตุอยู่แถวนั้น ล่าสุดได้รับแจ้งจากทางตำรวจว่าสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้วและมีคดีอื่นด้วย อยากฝากเตือนคนอื่นหากเจอเหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรลงจากรถ เพราะเขามีมีด
เวลา 11.30 น. วันที่ 11 มิ.ย. 67 ตำรวจได้จับกุมตัว นายนฤเมศร์ แก้วปู่วัด อายุ 27 ปี ผู้ต้องหา ก่อเหตุทำร้ายร่างกายพนักงานร้านสะดวกซื้อ ดำเนินคดีและตรวจสอบพบหมายจับคดีร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ พื้นที่ สน.บางเขน หลังจากการประสานไปยังสน.บางเขน แล้ว ได้แจ้งว่าคดี นายนฤเมศร์ แก้วปู่วัด อายุ 27 ปี คดีได้สิ้นสุดไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ถอนหมายจับออกจากระบบ
หลังจากนี้ตำรวจจะส่งตัว นายนฤเมศร์ แก้วปู่วัด ผู้ต้องหา ไปตรวจสภาพจิตที่ รพ.พระนั่งเกล้า เพื่อขอผลยืนยันถึงจะดำเนินคดีได้ หากพบว่าสภาพจิตไม่ปกติ จะส่งตัวไปรักษาให้หายก่อนนำกลับมาดำเนินคดีต่อไป
...