ผบ.เรือนจำกลางบางขวาง เผย "แป้ง นาโหนด" กักตัวโรคโควิด-19 ครบ 5 วันแล้ว จ่อนำเข้าสังเกตการณ์อีก 5 วัน ยังไม่พบความผิดปกติ ยังกินได้ นอนหลับ โดยมีเวรยามมอนิเตอร์ดูตลอด 24 ชม. พร้อมรอ แป้ง ส่ง 10 รายชื่อญาติและเพื่อนสนิทที่จะเข้าเยี่ยมได้
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 67 นายยุทธนา นาคเรืองศรี ผบ.เรือนจำกลางบางขวาง กล่าวถึงอาการความเป็นอยู่ของ นายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด ซึ่งครบกำหนดกักโรคโควิด-19 จำนวน 5 วัน ก่อนเตรียมสังเกตการณ์ อีก 5 วัน ว่า เสี่ยแป้ง ยังคงอยู่ในห้องกักโรคโควิด-19 โดยไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด แต่อาจมีความกังวลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารยังคงทานครบทุกมื้อ ขณะที่การปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน นายเชาวลิตก็ได้มีการทำความสะอาดห้องกักโรคของตัวเอง และระหว่างวันก็มีเปลี่ยนท่าทางอิริยาบถบ้าง ทั้งนอนคว่ำ นอนหงาย นอนตามมุมห้อง บ้างก็มองไปที่กล้องวงจรปิด ส่วนเรื่องเวรยามในการมอนิเตอร์กล้องวงจรปิด จะมีเวรผลัด คือ 1. เวรผู้ใหญ่ จะมีการดูภาพจากกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชม. 2. เวรผู้ใหญ่ระดับผู้อำนวยการส่วน จะมีการเข้าไปตรวจทั้ง 3 ผลัด โดยเฉพาะช่วงเวลา 20.00-21.00 น. อีกครั้งคือช่วงเวลา 00.00 น. และสุดท้ายในช่วงเวลา 03.00 น.-ช่วงเช้า ซึ่งจะมีการบันทึกรายงานโดยตลอด
นายยุทธนา กล่าวว่า วันนี้จะถือว่าครบกำหนดกักโรค 5 วัน ตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่พยาบาลเข้าไปตรวจผลโควิด-19 ส่วนถ้าผลตรวจปกติไม่มีเชื้อไวรัส ก็จะทำการสังเกตการณ์อีก 5 วัน จนครบกำหนด 10 วัน ส่วนเรื่อง 10 รายชื่อของญาติที่นายเชาวลิตจะมีการระบุประสงค์ให้ทำการเข้าเยี่ยมนั้น ตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เตรียมดำเนินการภายในวันนี้ เนื่องจากหากได้รายชื่อแล้ว ทางญาติของผู้ต้องขังจะได้ประสานกับเรือนจำฯ เพื่อเตรียมเข้าเยี่ยม อีกทั้งระบบการเยี่ยมญาติของเรือนจำฯ มี 2 รูปแบบ คือ การเยี่ยมญาติผ่านระบบออนไลน์ และการเยี่ยมญาติแบบออนไซต์ ทั้งนี้ หากเราได้รายชื่อทั้ง 10 แล้ว ก็จะต้องนำไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวว่าเป็นญาติ พี่น้อง เพื่อนสนิท จริงหรือไม่ จากนั้นเมื่อมีการเปิดระบบให้จองเยี่ยม ทางญาติของนายเชาวลิตจะได้แจ้งความประสงค์ว่าจะเยี่ยมผ่านรูปแบบใด
...
สำหรับการเยี่ยมญาติแบบออนไซต์ ของเรือนจำกลางบางขวาง จะเป็นการพูดคุยผ่านโทรศัพท์ส่วนกลางของเรือนจำฯ แต่ทั้งผู้ต้องขังและญาติก็จะได้นั่งเห็นหน้ากัน เพียงแต่มีกระจกลูกกรงกั้นคั่นกลางเอาไว้ จะไม่ใช่การเยี่ยมญาติแบบใกล้ชิดแต่อย่างใด ส่วนเรื่องการแต่งตั้งทนายความนั้น เบื้องต้นจะต้องครบระยะกำหนดการกักโรค 10 วันก่อน ทางทนายความจึงจะนำเอกสารเข้ามาให้นายเชาวลิตเซ็นชื่อแต่งตั้งได้ ว่าจะให้ทนายความคนใดเป็นผู้ดูแลเรื่องคดีความของตัวเอง ทั้งนี้ การจะนำตัวนายเชาวลิตลงมาด้านล่าง เพื่อให้พบกับทนายความ ตนได้สั่งการให้มีเจ้าหน้าที่ผู้คุม 2 ราย ในการควบคุมตัวลงมาจากห้องกักโรค
ส่วนเรื่องผลการบังคับโทษทางวินัยของผู้ต้องขังที่มีพฤติการณ์หลบหนีออกจากสถานคุมขัง ทางคณะกรรมการของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้ส่งรายงานมาถึงเรือนจำกลางบางขวาง หรือไม่นั้น ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับผลการสอบวินัยจากเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เนื่องจากทราบว่าเจ้าหน้าที่พยาบาลชำนาญการพิเศษของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้สอบถามมายังตนว่า นายเชาวลิต พ้นกำหนดการกักโรคโควิด-19 เมื่อไร จึงคาดว่าทางนั้นอาจจะเดินทางมาที่เรือนจำกลางบางขวาง เพื่อเข้าสอบปากคำนายเชาวลิต หรืออาจจะขอสอบปากคำผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ แต่ขึ้นอยู่กับทางเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชว่าต้องการข้อมูลส่วนใดเพิ่มเติมหรือไม่ แต่ทางเราก็พร้อมสนับสนุนอำนวยความสะดวก
ส่วนกรณีที่นายเชาวลิต จะต้องมีกระบวนการเดินทางไปขึ้นศาล ทางเรือนจำฯ มีนโยบายแนวทาง เช่น สามารถใช้วิธีการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หรือจำเป็นต้องคุมตัวนายเชาวลิต ออกจากเรือนจำฯ เพื่อไปขึ้นศาลหรือไม่ กรณีนี้เบื้องต้นสามารถวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้ เพราะคดีความส่วนใหญ่ของนายเชาวลิตเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ สถานที่ก่อเหตุมักอยู่ใน จ.พัทลุง และ จ.นครศรีธรรมราช และในช่วงนี้เป็นห้วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก ซึ่งจะครบกำหนดประมาณวันที่ 12 มิ.ย.นี้ ดังนั้น ตำรวจอยู่ระหว่างประกอบโครงสำนวน เพื่อส่งฟ้อง คาดว่าจะมีการยื่นขออำนาจศาลฝากขังต่ออีกผัด ก็อาจจะตรงกับช่วงเวลาที่นายเชาวลิตพ้นกักโรค และได้พบปะกับทนายความ
นายยุทธนา กล่าวถึงหลักการจัดเวรยามเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ในการเฝ้าดูแลและสังเกตพฤติกรรมของนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด ว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปพบ หรือดูแลนายเชาวลิต ตนจะใช้ลักษณะเป็นคู่บัดดี้ เพราะเราต้องคำนึงถึงลักษณะเฉพาะตัวของผู้ต้องขัง ไม่ว่าจะเป็นทักษะการหว่านล้อม การโน้มน้าว การเสนอเงื่อนไข โดยถ้ามีเจ้าหน้าที่ 2 ราย ความเป็นไปได้ที่จะถูกหว่านล้อมทั้งคู่จะลดน้อยลง หรือเป็นไปได้ยาก รวมถึงจะมีการสลับสับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่เป็นระยะ เพื่อป้องกันความคุ้นเคย ไม่ต้องการให้เป็นเจ้าหน้าที่หน้าเดิมๆ เจอกันบ่อยๆ เพราะอาจก่อให้เกิดปัจจัยเสี่ยงได้ และประการสำคัญ คือ แม้เจ้าหน้าที่ผู้คุมของเรือนจำกลางบางขวาง จะค่อนข้างมีความเข้มงวดในการตรวจขันดูแลผู้ต้องขังให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ตนก็ไม่ละเลยในการปรับแผนการทำงาน ประเมินสถานการณ์ในอนาคต พร้อมเน้นย้ำเสมอว่าขอให้เจ้าหน้าที่มีความตื่นตัว อย่าตกเป็นเครื่องของผู้ต้องขัง หรืออย่าทำในสิ่งที่เกินขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่เด็ดขาด ต้องธำรงศักดิ์ศรีและวินัยของตัวเอง
สำหรับการขังเดี่ยวในห้องควบคุมมั่นคง ภายในแดน 2 จะเป็นการขังเดี่ยวโดยที่ผู้ต้องขังจะอยู่ภายในห้องดังกล่าวทั้ง 24 ชม. ไม่ได้ลงมาด้านล่างอาคารเพื่อร่วมกิจกรรมต่างๆ กับผู้ต้องขังอื่นภายในแดน
ส่วนเรื่องพื้นที่หรือบรรยากาศในห้อง จะมีขนาดเล็กแต่ไม่ถึงกับแคบมาก ไม่มีพัดลมติดผนัง แต่มีพัดลมดูดอากาศคอยระบายอากาศอยู่ และมีส้วมซึมสำหรับอาบน้ำและชำระล้าง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าแม้ไม่มีการสปอยล์ผู้ต้องขัง แต่ก็ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนถึงขนาดไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวัน หรือเป็นการลงโทษใดๆ โดยเจตนารมณ์ของการคุมขังเดี่ยว คือ การปรับพฤติกรรมของผู้ต้องขัง เกิดการทบทวนตัวเอง สำนึกตนเอง ส่วนอาหารการกินจะมีเจ้าหน้าที่ผู้คุมยกขึ้นไปวางไว้ให้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จะมีการประเมินภาพรวมของสภาพร่างกายและจิตใจว่าผู้ต้องขังยังอยู่ในภาวะปกติ มีความพร้อมสมบูรณ์รองรับการขังเดี่ยวได้
...
สำหรับระยะเวลาการรับประทานอาหารของผู้ต้องขัง ช่วงเช้า รับประทานอาหารเวลา 07.00 น. ไม่เกิน 08.00 น. ช่วงกลางวัน รับประทานอาหารเวลา 12.00 น. ไม่เกิน 13.00 น. และช่วงเย็น รับประทานอาหารเวลา 15.30 น. ไม่เกิน 16.00 น. ส่วนของหวานจะมีเพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง นอกจากนี้ ในการเสิร์ฟอาหารมายังนายเชาวลิต จะมีการส่งตรงมาจากแดนสูทกรรม และจะต้องมีการเซ็นชื่อกำกับของผู้จัดเตรียมอาหาร จากนั้นเมื่อส่งมายังแดนขังของนายเชาวลิต ก็จะมีเจ้าหน้าที่ผู้คุมเซ็นชื่อกำกับเช่นกัน เพื่อเป็นการยืนยันว่ามีการตรวจสอบอาหารเรียบร้อยแล้วว่าไม่มีการใส่สารหรือวางยาผู้ต้องขัง จึงเป็นเหตุผลสำคัญให้มีการลงนามรับผิดชอบทั้งสองฝ่าย คือ ตั้งแต่ฝ่ายจัดเตรียมอาหาร ไปจนถึงฝ่ายยกเสิร์ฟอาหาร