"ทัพไทย" จ่อตั้งหน่วยบัญชาการไซเบอร์ทหาร โดยยกระดับยุบรวมหลายหน่วยงาน พร้อมกำหนดภารกิจชัดเจน เพื่อต้องพัฒนาไปสู่กองทัพไซเบอร์ในอนาคต คล้ายกับหน่วยไซเบอร์คอมแมนด์ของสหรัฐฯ โดยจะเริ่ม 1 ต.ค.นี้
เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 67 นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เปิดเผยหลังการประชุมสภากลาโหม ว่า ในขณะนี้กองทัพไทยมีนโยบายที่สำคัญ คือการจัดตั้งหน่วยบัญชาการไซเบอร์ทหาร หมายความว่านโยบายสร้างกองทัพที่ทันสมัย ที่เคยได้มอบหมาย ในด้านเทคโนโลยีการปรับปรุงการรบด้านยุทธวิธี ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ วันนี้สำเร็จถึงขั้นบรรลุ ได้ยกระดับยุบรวมหลายหน่วยงาน ขึ้นมาเป็นหน่วยบัญชาการไซเบอร์ทหาร พร้อมกำหนดภารกิจโครงสร้างชัดเจน และที่สำคัญมีระบบโรงเรียนดิจิทัล โรงเรียนไซเบอร์ ที่จะสอนกำลังพลและพลเรือน และหน่วยดังกล่าวอาจจะต้องพัฒนาไปสู่กองทัพไซเบอร์ในอนาคต

ด้าน พ.อ.ชาติชาย ชัยเกษม หัวหน้าฝ่ายเสธ ประจำผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานด้านไซเบอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เราได้ขยายจากศูนย์ไซเบอร์ทหารเป็นหน่วยบัญชาการไซเบอร์ทหาร โดยจะมีการจัดตั้งไซเบอร์เป็นทีม ตั้งแต่ระดับกองทัพและระดับประเทศ คล้ายกับหน่วยไซเบอร์คอมแมนด์ของสหรัฐอเมริกา หากเกิดเหตุการณ์สำคัญ กองทัพก็จะมีความสามารถในการเตรียมการจัดทีมรับผิดชอบสาธารณูปโภคสำคัญของประเทศ นอกจากนี้จะมีการจัดตั้งไซเบอร์อะคาเดมี ซึ่งประเทศไทยยังไม่มี กองทัพจะเป็นศูนย์กลางให้การศึกษาด้านไซเบอร์ ทั้งในระดับกองทัพและนอกกองทัพ
...
"เรื่องไซเบอร์ถือเป็นประเด็นร้อนของโลก นับเป็นสงครามทางด้านไซเบอร์ ซึ่งจากการที่ได้ไปเยือนทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศ ไซเบอร์ถือเป็นมิติการรบ เราจะเตรียมทีมให้พร้อม บนมิติไซเบอร์เช่นเดียวกัน 3 ทีมเตรียมไว้ เป็นทีมเชิงรับ ทีมรับผิดชอบระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญของประเทศ เป็นทีมเชิงรุก ทีมไซเบอร์อะคาเดมี โดยจะเริ่มใช้วันที่ 1 ต.ค.นี้ ในงบประมาณปี 2568" พ.อ.ชาติชาย กล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า นอกจากนี้ กองทัพไทย ยังรายงานว่ามีการตั้งศูนย์ต่อต้านสถานการณ์วิกฤตินานาชาติ ถือเป็นความคืบหน้า เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อสังคมว่า ต่อสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นผันผวนและวิกฤติในวันนี้ กองทัพไทย ได้ตั้งศูนย์ขึ้นมารับมือเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
ด้าน พล.ร.ต.ธนิตพงศ์ สิริเศวตศักดิ์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวเพิ่มว่า ปัจจุบันกระทรวงกลาโหม ได้มีการติดตามด้านสถานการณ์ความมั่นคงทั้งในภูมิภาคและระดับโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ทั้งการเมืองการทหารและการต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้จะนำมากำหนดเป็นนโยบายและท่าทีที่เหมาะสมของกระทรวงกลาโหมต่อไปเพื่อส่งเสริมความมั่นคงในทุกระดับ
