ทนาย แม่เด็ก 14 เดินหน้าแจ้งหมิ่นประมาท "หมอเหรียญทอง" พร้อมร้องขอความเป็นธรรม และกู้ศักดิ์ศรี "ทนายรัชพล" ย้ำ หมอเป็นผู้ใหญ่ คนละรุ่น เด็กไม่มีปัญญาตอบโต้
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 พ.ค. 67 ที่ สน.ทุ่งสองห้อง นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ พา น.ส.กัลยา เย็นใจ มารดา พร้อมลูกชายวัย 14 ปี เดินทางเข้าพบ ร.ต.ต.จเร วิเชียรวรรณ์ รอง สว.สอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต. นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ กรณีทำร้ายร่างกายด้วยการตบหน้า-เปลื้องผ้า และเรียกสรรพนามแทน ด.ช.ดนัยเทพ ว่า "ไอ้กุ๊ย ขยะสังคม" เพื่อเอาผิดในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
นายรัชพล กล่าวว่า ตนได้มีการปรึกษากับแม่ของเด็ก 14 ปี เนื่องจากหมอคนดังกล่าวมีพฤติกรรมที่ไม่สมควร จึงอยากมาเรียกร้องความเป็นธรรมและศักดิ์ศรีให้กับตัวเอง จึงมาแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ซึ่งตัวหมอเองก็โตแล้ว และการที่มองว่าคนกระทำความผิดเป็นขยะสังคมนั้นน่าจะทำผิดกฎหมายซะเอง ซึ่งตัวหมอเองก็ยังเป็นไอดอลให้ใครได้อีกหลายคน

...
"อยากฝากว่าคุณหมอเองน่าจะทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม เพื่อให้เป็นแบบอย่างให้คนอื่นๆ ได้"
นายรัชพล กล่าวอีกว่า ยกตัวอย่างคำว่า ส้นตีน ก็เป็นการดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ทำให้รู้สึกต้อยต่ำ เหยียดหยาม ส่วนคำว่า "ไอ้กุ๊ย" ตามพจนานุกรม คือ "คนเลว" ทำให้ตัวน้องรู้สึกไม่ดี ส่วนคำว่า ขยะสังคม ทำให้รู้สึกเป็นส่วนเกินของสังคม เรียกว่าใส่ความผู้อื่นต่อสื่อมวลชน ต่อบุคคลที่สาม เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ ซึ่งตนคิดว่าควรจะพอได้แล้ว เรื่องกฎหมายก็ดำเนินการไปทั้งเรื่องยาเสพติด หรือสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ก็ควรว่ากันไปตามกฎหมาย แต่การโพสต์ หรือกระทำอะไรซ้ำๆ ก็ไม่จบสิ้น โดยตัวหมอเองก็เป็นผู้ใหญ่ มันคนละรุ่นกัน เด็กไม่มีปัญญาที่จะตอบโต้ ต่อสู้อะไรด้วย หากวันนี้ตนไม่มาแจ้งความ ก็จะมีการโพสต์ต่อว่าอีก และมองว่าไม่เหมาะสม ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายด้วย
ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ตนได้เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีใน 5 ข้อหา ซึ่งจะขอความร่วมมือกับทางตำรวจ เนื่องจากว่าการจับผู้อื่นเปลื้องผ้ามันเป็นการอนาจาร โดยราชบัณฑิตตีความไว้ และการจับแก้ผ้าจากความรู้จะไม่โดนคดีอนาจาร แต่จะโดนเรื่องทำให้อายต่อหน้าธารกำนัล ซึ่งเป็นข้อหาเบา แต่ความจริงแล้วตัวเองกลับปล่อยให้คนแก้ผ้าวิ่งออกไปจาก รพ.นั้น ไม่สมควรทำ สำหรับคดีเด็ก 14 นั้นต้องแยกเป็น 2 ส่วนคือ สูบบุหรี่ และเจอยาเสพติด ต้องบอกว่าผู้เสพคือผู้ป่วย ตนได้สอบถามกับตัวเด็กบอกว่าลองยาเป็นครั้งแรกและไม่ได้ติด ตนจึงคิดว่าทำไมไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแลเรื่องนี้ หน่วยงานรัฐควรเข้ามาดูแล หากปล่อยไปจากผู้เสพอาจกลายเป็นผู้ค้า โดยเฉพาะเด็ก 14 พกซองยา แต่ขอปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ตนจะไม่มาช่วยเรื่องนี้ หากซองยาดังกล่าวเป็นของเด็กจริงก็ให้รับสารภาพไป ตนดูคดีเฉพาะในเรื่องทำร้ายร่างกายเด็กเท่านั้น

นายรัชพล กล่าวด้วยว่า หากจะโยงเรื่องการเมืองตนขอไม่ยุ่ง ซึ่งตัวหมอเองมีการโพสต์ว่าจะมีคนมาฆ่าในคุกนั้นไม่เกี่ยวข้อง และไม่เกิดขึ้นง่ายขนาดนั้น ทางคุณหมอเองอาจจะฝันร้ายแล้วตื่นมาโพสต์ก็เป็นได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ค้นพบถุงซิปล็อกขนาดเล็กซองพลาสติกใส ภายในเป็นผงสีขาว ซึ่งเด็กรับสารภาพว่าเป็นยาเสพติดของตนเองนั้นพ.ต.อ.ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง กล่าวกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ได้นำซองยาเสพติดดังกล่าวส่งไปให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.กทม. ทำการตรวจพิสูจน์ยืนยันเพิ่มเติม รวมถึงส่งตัวเด็กไปตรวจปัสสาวะ ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผล

...
นายรัชพล กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่มีการนำตัวเด็ก 14 ไปตรวจปัสาสาวะเพิ่มเติมที่ รพ.นพรัตนราชธานี เพื่อยืนยันว่ามีสารเสพติด เรื่องข้อกล่าวหานั้นตนอยากให้ตั้งข้อหาอนาจารด้วย หากไม่ตั้งก็มองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร ในเว็บไซต์ราชกิจจาฯ ระบุว่า จับเปลื้องผ้าเป็นการอนาจาร อยากให้ตั้งข้อหาตามความเป็นจริง ส่วนเรื่องค่าปรับที่ รพ.อาจจะเรียกเท่าใดก็ได้ แต่ถ้าเรื่องถึงศาลจะมีการปรับลดลงมาตามสมควร.