ในหนังสือ “นิทานมิบ” (สำนักพิมพ์พิมพ์คำ พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ.2557) คุณเอนก นาวิกมูล เล่าเรื่องหมองูตายเพราะช้าง เป็นลำดับที่ 3

เรื่องเดิมจากหนังสือพิมพ์ “สยามไสมย” ของหมอสมิธ เล่ม 3 หน้า 313 จ.ศ.1246 เท่ากับ พ.ศ.2427

คุณเอนกใช้สำนวนภาษาที่ตั้งใจให้เด็กๆอ่านได้ง่าย เริ่มต้นว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5

ยังมีแขกกลิงค์คนหนึ่งมีอาชีพเป็นหมอดูเที่ยวเอางูเห่าไปตระเวนเล่นหากินเสมอมา

(เรียกแขกที่มาจากอินเดียใต้ มีผิวดำว่าแขกกลิงค์ เดิมหมายถึงแขกอินเดีย ที่มาจากแคว้นกลิงคราษฎร์)

วันหนึ่งตาแขกกลิงค์ เอางูเห่าใส่ข้องออกไปแสดงเช่นเคย จำเพาะวันนั้นแขกไปเล่นที่ในวัง

ไปถึงก็หยุดนิ่งที่ริมถนนที่คนสัญจรไปมา

ในขณะนั้นควาญช้างคนหนึ่งขี่ช้างพลายผ่านมา จะพาเจ้าพลายที่ชื่อพลายสักไปอาบน้ำตรงท่าพระคือที่ริมน้ำเจ้าพระยา นายควาญเห็นแขกนั่งอยู่ก็บอกออกไปว่า หลีกไป หลีกไป ช้างจะแทงเอา

ตาแขกกลิงค์ได้ฟัง แทนที่จะเชื่อถือย้ายทีไปเสีย กลับดื้อไม่หลีก พลายสักเป็นช้างดุ พอเดินมาเห็นเจ้าแขกตัวดำขวางทางเข้า ควาญไม่ทันทำอะไรได้

พลายสักก็ใช้งาแทงเอาที่ไข่ดันของแขกหมองู จนถึงแก่ความตาย

คำโบราณที่ว่า หมองูตายเพราะหมองู จึงไม่ถูกต้องเสมอไป เพราะเจ้าพลายสักกับแขกกลิงค์มาล้มล้างเสีย

อ่านเรื่องหมองูตายเพราะช้าง สำนวนคุณเอนกในนิทานมิบจบ ที่จริงเนื้อหาเรื่องนี้เป็นเรื่องหวาดเสียวปนเศร้า แถมคนเล่าก็เล่าแบบมีอารมณ์ขัน..ช้างพลายสักมีตำแหน่งให้เลือกแทงแขกกลิงค์หลายที่

แต่เหตุผลกลใด พลายสักจึงเลือกแทงเอาตรงไข่ดัน

แต่เนื่องจากเรื่องนี้เกิดมานาน เล่าต่อๆกันมาอย่างสนุกสนาน...เรื่องสยดสยอง ช้างใช้งาแทงคนตาย...ก็นานเนกาเลโข (ขอยืมสำนวนประสิทธิ์ ไชยชมพู มาใช้สักที) นานเสียจน ฟังแล้วไม่เสียว

...

ความแหลมคมของเรื่องเล่า ก็น่าจะอยู่ที่เรื่องนี้ สวนทางกับคำสอนคนโบราณที่ลูกหลานก็จำมาพูดกันติดปาก หมองูตายเพราะหมองู

และสำนวนนี้ในช่วงวันเวลานี้ ไม่มีทางอื่นใดที่จะไม่คิดถึงเรื่อง “พี่ศรี” ที่กำลังเป็นข่าวถูกจับกับทีมนักการเมืองสองคน ข้อหาขู่เอาเงินล้านห้า อธิบดีกรมข้าว

สื่อทีวีทุกช่อง ต่อความยาวสาวความยืด...ไปถึงเรื่องเก่าๆ “พี่ศรี” เคยร้องเรียนมาแล้ว เรื่องใดหนักเรื่องใดเบา คนที่เกี่ยวข้องกับพี่ศรี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคู่กรณี ก็ถูกชวนมาออกทีวี

สื่อแม้จะออกตัวว่าทำตามหน้าที่ แต่หนีไม่พ้น ซ้ำเติมพี่ศรีด้วยการประจาน

นักข่าวแก่รุ่นผม “เอ๋อเหรอ!” กับ “คุณศรี” เหมือนคนอื่น แต่เผลอรู้ไม่เท่าทันว่า สุดยอดนักร้องเรียน มือวางอันดับหนึ่งของไทย...ที่ถูกเข้าใจว่าเป็นทนายความ...แท้จริง ไม่ใช่

เรื่องจริงๆที่กำลังพูดกัน พี่ศรีเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง จบแม่โจ้มาด้วยกับอธิบดีกรมข้าว

คนหนึ่งเชี่ยวชาญวิชาข้าวก้าวหน้า เป็นอธิบดี อีกคนจบแม่โจ้เหมือนกัน แต่เสือไม่ทิ้งลาย อย่างน้อยเรื่องราวที่เล่าขานก็ยืนยัน พี่ศรีมีที่นาเก่งทางไถนา ตอนนี้กำลังถูกแฉว่ามีบ้านหลายหลัง หลังละหลายล้าน

รู้เรื่องนี้ นักข่าวแก่ก็เอ๋อเหรอ!ต่อ จะใช้สำนวน “หมอความตายเพราะความ” กับพี่ศรี ก็ไม่เข้าเหลี่ยมนักเลงภาษา แต่ผู้รู้อีกคนก็บอกว่า นับพี่ศรีเป็นหมอความได้ เพราะคำนี้นักกฎหมายทั้งหลาย ในศาล ท่านๆอัยการ ตำรวจ และท่านๆวุฒิสมาชิก ไม่ชอบคำนี้ ถือว่าดูถูกกันด้วยซ้ำ

ฟังเหตุผลนี้ ผมก็โล่งใจ ขอใช้สำนวน “หมอความตายเพราะความ” กับพี่ศรีต่อไป แล้วก็ดีใจ คำเตือนของผู้เฒ่าที่พร่ำสอนลูกหลานไม่ใช่คำเหลวไหล พิสูจน์ได้ทุกเมื่อว่าเป็นจริง.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม