“ลุงพลและป้าแต๋น” เข้ารับฟังศาลจังหวัดมุกดาหารแจ้งเลื่อนอ่านคำพิพากษาเป็นวันที่ 20 ธ.ค. เวลา 10.00 น. พร้อมเผยยืนยันในความบริสุทธิ์ ส่วนพ่อแม่น้องชมพู่ตัดพ้อตกเป็นผู้สูญเสีย แต่ถูกสังคมประณามไปกล่าวหาลุงพลฆ่าลูก ขณะที่โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแจง คดีน้องชมพู่ประชาชนให้ความสนใจ ศาลส่งสำนวนคดีพร้อมคำพิพากษาไปที่สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 เพื่อตรวจตามระเบียบก่อนจะส่งกลับมา

ภายหลังศาลจังหวัดมุกดาหารแจ้งเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีนายไชย์พล หรือลุงพล วิภา และ น.ส.สมพร หรือป้าแต๋น หลาบโพธิ์ สองสามีภรรยา เป็นจำเลยที่ 1-2 ฟ้องนายไชย์พล จำเลยที่ 1 ในฐานความผิดฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา, พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควร, ทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปีไว้ ณ ที่ใดเพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตนโดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแลเป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย, ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทําให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ส่วน น.ส.สมพร จำเลยที่ 2 ตามความผิดฐานร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป กรณีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ จากอ่านคำพิพากษาในวันที่ 31 ต.ค.เลื่อนเป็นปลายเดือน ธ.ค.นี้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจร่างคำพิพากษานั้น

...

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 31 ต.ค. ที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร นายไชย์พล หรือลุงพล วิภา และ น.ส.สมพร หรือป้าแต๋น หลาบโพธิ์ สองสามีภรรยาเป็นจำเลยและทนายความเดินทางมาฟังคำพิพากษา ขณะเดียวกันนางสาวิตรี และนายอนามัย วงศ์ศรีชา แม่และพ่อของน้องชมพู่ เป็นโจทก์ร่วมในคดี พร้อมด้วยทนายความเดินทางมาร่วมรับฟังอ่านคำพิพากษาด้วยเช่นกัน

ต่อมาผู้พิพากษาแจ้งต่อโจทก์กับจำเลยว่า ตามที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้นั้น เนื่องจากคดีอยู่ระหว่างสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 ตรวจสำนวนและร่างคำพิพากษา ตามระเบียบฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการรายงานคดีในศาลชั้นต้นและศาลชั้นอุทธรณ์ต่อประธานศาลฎีกา ศาลนี้ส่งสำนวนและร่างคำพิพากษาไปตรวจตามระเบียบดังกล่าว ว่าด้วยการรายงานคดีและการตรวจสำนวนคดีในสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค พ.ศ.2562 ข้อ 7 ก.(3) ประเภทคดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 10 ปีขึ้นไป แต่ร่างคำพิพากษาและสำนวนยังไม่กลับมาจากสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 จึงไม่อาจอ่านคำพิพากษาในวันนี้ได้ เห็นควรให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 ธ.ค.2566 เวลา 10.00 น. ตามที่ทุกฝ่ายมีวันตรงกัน

ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่ บก.ภ.จ.มุกดาหาร นางสาวิตรีและนายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อแม่น้องชมพู่ และนายพิสิษฐ์ ตรัยเจริญเมาธากุล ทนายความ แถลงเปิดใจหลังเผชิญหน้ากับลุงพลและป้าแต๋น นางสาวิตรีเปิดเผยว่า รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ศาลเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษา แต่เข้าใจว่าศาลมีเหตุผลอันสมควร วันนี้เจอลุงพลแต่ไม่ได้พูดคุยทักทายหรือมองหน้ากันเลย สำหรับประเด็นที่ว่าน้องอาจเดินไปเสียชีวิตเอง ตนมองว่าคดีของน้องชมพู่สังคมให้ความสนใจมาก ทุกความเคลื่อนไหวทางคดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวมีการนำเสนอข่าวตลอดเวลา และบางอย่างถูกนำเสนอด้วยการเลือกฝั่งของยูทูบเบอร์ทำให้สังคมไขว้เขว รู้สึกสูญเสียแต่ถูกกระทำ ครอบครัวถูกมองว่าใส่ร้ายจำเลยมาโดยตลอด แต่ถ้าติดตามข่าวจะเห็นว่าหลายครั้งอีกฝั่งพาดพิงจากประโยคที่ว่า สงสัยทำให้กลายเป็นจำเลยสังคม ทำให้ถูกประณามมาโดยตลอด ทั้งที่เรามีสิทธิ์ที่จะสงสัยว่าใครเป็นคนทำลูกเรา แต่เรากลับถูกกระทำ

นางสาวิตรีเผยอีกว่า ส่วนทนายของลุงพลออกมาบอกว่า ไม่พบดีเอ็นเอของลุงพลในตัวของน้องชมพู่เลย เป็นสิทธิ์ของทนายที่จะพูดเพื่อให้กำลังใจลูกความ แต่ในฐานะที่เป็นผู้สูญเสีย คดีเป็นคดีฆาตกรรมอำพรางจะมีคนร้ายและผู้ตาย ถ้าดีเอ็นเอของผู้ร้ายไม่มาพัวพันกับผู้ตายจะต้องมีหลักฐานอะไรบางอย่างที่ผู้ตายไปพัวพันกับคนร้าย ไม่มีความกังวลใจอะไร

...

“หากวิญญาณลูกรับรู้ ครอบครัวของเราอบอุ่นมาก ถึงแม้ว่าจะยากจนก็ตาม การตายของชมพู่ทางครอบครัวไม่สามารถพูดคุยกันได้เลยแม้จะผ่านมา 3 ปีแล้ว ครอบครัวกลัวว่าหากพูดถึงอีกจะกระทบต่อจิตใจ พวกเราเลือกไม่ได้ พวกเราสูญเสียไม่มีโอกาสได้เลือก แต่เขายังมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองว่าถูกใส่ร้ายหรือไม่ แต่เราไม่มีโอกาส แม้ว่าหากเขาบริสุทธิ์เราก็สูญเสียตลอดชีวิต” นางสาวิตรีกล่าว

...

ต่อมาเวลา 12.00 น. ที่โรงแรมริเวอร์ ฟร้อนท์ นายไชย์พล หรือลุงพล วิภา และนางสมพร หรือป้าแต๋น หลาบโพธิ์ พร้อมด้วยนายสุรชัย ชินชัย ทนายความ ร่วมกันแถลงข่าวมีแฟนคลับของลุงพลมาร่วมฟังจำนวนมากพร้อมนำช่อดอกไม้และพวงมาลัยผูกเป็นธนบัตร 1,000 บาท รวมมูลค่า 5 หมื่นบาท มอบให้ลุงพลเพื่อเป็นกำลังใจ ลุงพลเปิดเผยว่า อยากจะทักทายกับแม่น้องชมพู่และพูดคุยกันเหมือนเดิม แต่ด้วยสถานการณ์ทำให้เราต้องห่างกันสักพัก จะขอใช้เวลาในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองก่อน หลังจากนี้เป็นเรื่องของอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร

ส่วนป้าแต๋นเผยว่า เจอพ่อแม่ของน้องชมพู่ทุกครั้งที่มาศาล เราก็ทำตัวปกติ เพราะทุกอย่างต่อสู้กันมาคนละแนว พยายามคืนความบริสุทธิ์ให้ตัวเองและครอบครัว ส่วนเขาหาความยุติธรรมให้ลูก แต่ทั้ง 2 ครอบครัว ความสัมพันธ์แตกหักแล้วจะเป็นอย่างไรเป็นเรื่องของอนาคต

ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรณีศาลจังหวัดมุกดาหารเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษานายไชย์พล หรือลุงพล วิภา และ น.ส.สมพร หรือป้าแต๋น หลาบโพธิ์ สองสามีภรรยาในคดีการเสียชีวิต “น้องชมพู่” ว่า ทราบเรื่องจากเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร สาเหตุที่ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาจากวันที่ 31 ต.ค.ออกไปก่อนนั้น เนื่องจากเป็นคดีสำคัญและในทางปฏิบัติของศาลยุติธรรม ศาลจะส่งสำนวนคดีพร้อมคำพิพากษาไปที่สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 ที่ จ.ขอนแก่น เพื่อตรวจตามระเบียบ ก่อนที่จะส่งกลับมาให้กับทางศาลจังหวัดมุกดาหารอ่านคำพิพากษาต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสำนวนและตรวจคำพิพากษาของอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 มีเหตุต้องเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไป ส่วนจะเลื่อนไปวันไหนนั้นศาลจะแจ้งอีกครั้ง ยืนยันไม่ส่งผลต่อรูปคดี เพราะกระบวนการสืบพยานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยเสร็จสิ้นแล้ว ศาลจังหวัดมุกดาหารพิพากษาตามพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริง และกฎหมายส่งให้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 ตรวจ ตามระเบียบขั้นตอนของศาล

...

“ขอให้รอฟังคำพิพากษาของศาล ไม่ว่าจะตัดสินอย่างไร หากคู่ความในคดีไม่เห็นพ้อง ย่อมที่จะสามารถอุทธรณ์คำพิพากษาภายใน 1 เดือน หากอุทธรณ์ตัดสินแล้วยังไม่เห็นพ้องอีกสามารถยื่นฎีกาต่ออีกได้” นายประยุทธกล่าว

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่