ศาลอาญาธนบุรี พิพากษาคดี หมอของขวัญ ถูก แซน วิศาพัช ฟ้องหมิ่นประมาท กรณีไลฟ์สดกล่าวหามีส่วนร่วมในการเสียชีวิตของ "แตงโม" ให้จำคุก 2 ปี 8 เดือน ปรับ 1.6 แสน แต่จำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อน ให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี ฝ่ายโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ระบุที่ผ่านมาจำเลยไม่มีท่าทีสำนึกผิด  

วันที่ 19 ก.ย. 66 เมื่อเวลา 10.00 น. แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ พร้อมด้วย นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความส่วนตัว เดินทางไปยังศาลอาญาธนบุรี เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอาญาธนบุรี หลังจากที่แซน วิศาพัช เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกับหมอของขวัญ หรือ น.ส.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ แพทย์ผิวหนังคนดัง ไปเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังจากที่หมอของขวัญได้ทำการไลฟ์สดบนเพจเฟซบุ๊ก โดยกล่าวหาว่าแซนและคนบนเรือสปีดโบ๊ต มีส่วนร่วมในการเสียชีวิตของดารานักแสดงคนดัง แตงโม นิดา 

ต่อมา ศาลอาญาธนบุรีได้พิพากษาให้จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328, 393 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละสองปี และปรับกระทงละ 120,000 บาท ซึ่งต่อมาจำเลยได้รับสารภาพว่า เป็นผู้โพสต์ข้อความและไลฟ์สดจริง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุกกระทงละหนึ่งปีสี่เดือน ปรับกระทงละ 80,000 บาท รวมจำคุกสองปีแปดเดือน และปรับ 160,000 บาท และเนื่องจากจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นควรให้โอกาสปรับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้สองปี ห้ามจำเลยโพสต์ข้อความใดๆ ในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับโจทก์ ทั้งในทางตรงและทางอ้อม ภายในระยะเวลารอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาทั้งหมด ในบัญชี Facebook ของจำเลยที่ชื่อว่า Doctorkatekate เป็นเวลา 15 วัน ด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลย คำอื่นนอกจากนี้ให้ยก ส่งคำขอ ให้นับโทษจำคุกในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีหมายเลขดำที่อ.1770/2565 ของศาลอาญามีนบุรี เนื่องจากคดีนี้ศาลรอการลงโทษ จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้

...

หลังคำพิพากษาตัดสินนายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความของแซน วิศาพัช เปิดเผยว่า แม้ฝ่ายจำเลยจะอ้างในชั้นศาลว่า ได้นำเรื่องราวมาเล่าผ่านเป็นนิทานก็ตาม แต่เนื่องจากมีการระบุชื่อพาดพิงตัวบุคคลชัดเจน ศาลจึงพิจารณาลงโทษตามความผิด 1 ใน 3 ไปแล้ว แต่เนื่องจากทางฝ่ายจำเลยยังไม่มีทีท่าสำนึกผิด หรือแสดงความขอโทษออกมา ทางฝ่ายโจทก์คือ แซน วิศาพัช จึงได้มอบหมายให้ตนในฐานะทนายความ ยื่นร้องอุทธรณ์ขอให้ศาลไม่ลดโทษ และไม่รอลงอาญากับฝ่ายจำเลย เพื่อต้องการให้เป็นคดีตัวอย่าง หลังจากที่ลูกความของตนตกเป็นฝ่ายเสียหาย จากการถูกกล่าวหาโดยปราศจากข้อเท็จจริง จนตกเป็นจำเลยของสังคมมานาน.