สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 2 ถึง ป.ป.ช. ขอออกหมายจับ "อิทธิพล คุณปลื้ม" และพวกใหม่ โดยมีหมายเหตุ "มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหา หรือจำเลยหลบหนี รวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ" ดังนั้นอายุความ "จึงสะดุดหยุดลง" แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ต้องหาที่จะสู้ประเด็นนี้ในชั้นศาล

วันที่ 7 ก.ย. 66 นายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้ตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อยื่นฟ้อง นายอิทธิพล คุณปลื้ม ถึงแม้จนถึงขณะนี้จะยังไม่มีวี่แววว่าทาง ป.ป.ช.จะได้ตัวของ นายอิทธิพล คุณปลื้ม มาส่งสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมด้านเอกสารเอาไว้ หากกรณี ป.ป.ช.ได้ตัวมา ซึ่งจะต้องนำตัวส่งฟ้องศาลภายในวันศุกร์ที่ 8 กันยายน 2566 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนคดีจะหมดอายุความที่จะครบในวันที่ 10 กันยายน 2566 ที่ตรงกับวันอาทิตย์วันหยุดราชการ 

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้มีหนังสือเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 ไปถึง ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช.ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 เพื่อขอออกหมายจับ นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายพิเชษฐ อุทัยวัฒนานนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายวิทยา ศิรินทร์วรชัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นายญัติพงศ์ อินทรัตน์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และนายเอกพงษ์ บุญชาย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนี ไม่ไปรายตัวต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ในวันที่ 4 กันยายน 2566 ในคดีที่นายอิทธิพลกับพวก ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลกระทำความผิดส่งอัยการฟ้อง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ลงวันที่ 10 กันยายน 2551 ให้แก่บริษัท บาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย 

...

โดยมีรายงานว่า หมายจับที่ออกดังกล่าวมีหมายเหตุเกี่ยวกับเรื่องอายุความ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 7 บัญญัติไว้ว่า "...ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ..." ประกอบมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ซึ่งการออกหมายจับดังกล่าวเป็นการตีความของศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 2 แต่ความเห็นดังกล่าวยังไม่ใช่ที่สิ้นสุดในประเด็นเรื่องการนับอายุความ ซึ่งในขั้นตอนต่อไปอาจมีการต่อสู้คดี และคัดค้านไปถึงชั้นอุทธรณ์และฎีกาได้อยู่ หมายจับนี้จึงเป็นความเห็นของศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 2 ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น 

ต่อมาเวลา 17.30 น. นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการ สนง. ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย เผยว่า ตนเพิ่งได้รับคำสั่งจาก น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ให้ดำรงตำแหน่งเป็นโฆษก สนง.อสส.อีกตำแหน่ง และขอรายงานความคืบหน้าล่าสุดคดี นายอิทธิพล ว่า ตามที่ทางอธิบดีอัยการคดีทุจริตภาค 2 รับคำสั่งจาก อสส.ให้สั่ง ป.ป.ช.ภาค 2 ไปออกหมายจับ นายอิทธิพล อีกครั้ง ศาลอาญาคดีทุจริตภาค 2 มีคำสั่งลงมาแล้วว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้หลบหนีวันที่ 6 ก.ย. 2566 เป็นการหลบหนีไปในระหว่างการดำเนินคดีตามมาตรา 7 พ.ร.บ.ปราบปราบคดีทุจริต จึงไม่นับเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ ดังนั้นอายุความจึงสะดุดหยุดลง แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ต้องหาที่จะสู้ประเด็นนี้ในชั้นศาล.