โรงแรมเดอะบาซาร์ รัชดา แถลงเรื่องเกี่ยวกับรูปปั้น "ครูกายแก้ว" ยืนยันจะย้ายหรือไม่ เป็นสิทธิของผู้เช่า และเป็นความเชื่อส่วนบุคคลไม่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา เตรียมสร้างโดม 60 ล้าน ครอบเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย พร้อมระบุ ตั้งแต่มี "ครูกายแก้ว" มาตั้ง ยอดจองโรงแรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบอร์ดบริหาร และทนายความของโรงแรมเดอะบาซาร์ โฮเทล แบงค็อก นำโดย นายชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการประธานกรรมการบริหาร ตัวแทน นายชาญ ตุลยาพิศิษฐ์ชัย ประธานกรรมการบริษัทฯ โดยนายชาลีกล่าวว่า พื้นที่ด้านหน้าโรงแรมเป็นพื้นที่ที่เปิดให้อาจารย์หน่อย สมสฤษดิ์ ได้เช่าทำสัญญาแบบระยะยาว 20 ปี ให้เช่าต่อเดือน เดือนละ 200,000 บาท 1 ปีเท่ากับ 2 ล้าน 4 แสนบาท พื้นที่ตรงนั้นจึงเป็นสิทธิ์ของผู้เช่าช่วงที่จะสามารถนำรูปปั้นหรือบริหารจัดการอะไรก็ได้ตามแต่ความต้องการของผู้เช่า โดยทางโรงแรมไม่สามารถที่จะเข้าไปก้าวก่ายได้ 

ซึ่งหลังจากที่นำ “ครูกายแก้ว” มาตั้งที่โรงแรมก็มีหลายภาคส่วนที่ยื่นเรื่องร้องไปยัง กทม. จนผู้ว่ากทม.ได้ส่งตัวแทนมาลงพื้นที่ตรวจสอบและยืนยันว่าการนำรูปปั้นครูกายแก้วมาตั้งตรงนี้ไม่ได้ทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด และทำการตกลงกันว่าเพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายจะทำการสร้างสิ่งปิดกั้นครอบรูปปั้นครูกายแก้วเอาไว้ คาดว่าจะใช้งบประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้ทางผู้เช่าจะเป็นผู้รับผิดชอบออกค่าใช่จ่ายเอง ต่อมาคุณชาญจึงมอบเงินสนับสนุนจำนวน 20 ล้านบาทให้แก่ผู้เช่าในการสร้างสิ่งปิดกั้นครั้งนี้ คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในระยะ 2 เดือน พร้อมทั้งยืนยันว่าจะไม่มีการย้ายครูกายแก้ว แต่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น  

นอกจากนี้ นายชาลี ยังกล่าวด้วยว่าตั้งแต่ที่มีครูกายแก้วมาตั้ง ก็ได้รับผลในเชิงบวก คือโรงแรมมียอดจองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากขึ้นทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ส่วนเรื่องสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยหน่วยเผยแพร่ศีลธรรม และคณะราษฎรไทยแห่งชาติ องค์กรตามรัฐธรรมนูญมาตรา 42 ส่วนขับเคลื่อนภาคประชาชนได้ยื่นร้องเรียนให้ย้ายรูปปั้นครูกายแก้วออกจากพื้นที่ ทางผู้บริหารโรงแรมได้ลงมติกันแล้วว่าเรื่องนี้ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางพระพุทธศาสนา และทั้ง 2 องค์กรก็ได้ส่งเอกสารมาขอโทษทางโรงแรมเดอะบาซาร์ฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้วและไม่ได้ติดใจในประเด็นที่ร้องเรียน

...

สำหรับกรณีที่ นายไพโรจน์ ทุ่งทอง เจ้าของโรงแรมเดอะบาซาร์ แบงค็อก และซีอีโอ บริษัท สวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาภิเษก จำกัด ได้มอบหมายให้ทนายความยื่นคําร้องต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคําสั่งให้ นายชาญ ตุลยาพิศิษฐ์ชัย ประธานกรรมการบริษัทฯ นํารูปปั้นครูกายแก้วออกไปจากบริเวณโรงแรม ซึ่งศาลนัดไต่สวนคําร้อง ในวันที่ 12 กันยายนที่จะถึงนี้ เวลา 10.00 น. และกรณีที่มีการสอบถามว่า องค์กร หรือบุคคลที่ไม่เห็นด้วย และที่ได้รับผลกระทบจากการตั้งรูปปั้นครูกายแก้ว จะสามารถยื่นคําร้องต่อศาล เพื่อขอให้ศาลมีคําสั่งให้นํารูปปั้นครูกายแก้วออกไปจากบริเวณโรงแรมได้หรือไม่นั้น มีรายงานว่า เรื่องนี้น่าจะขึ้นกับดุลพินิจของศาลล้มละลายกลาง

นายชาลี ได้ชี้แจงถึงประเด็นการถือหุ้นของผู้บริหารทั้ง 2 ท่าน คือ นายไพโรจน์ ทุ่งทอง และ นายชาญ ตุลยาพิศิษฐ์ชัย เดิมทีนายไพโรจน์ได้ถือหุ้นโรงแรม 80% ส่วนนายชาญ ถือหุ้น 20% โดยคอยช่วยสนับสนุนเรื่องการเงินเพื่อธุรกิจของโรงแรมดำเนินการอย่างราบรื่นเพื่อให้ยื่นขอกู้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยได้สำเร็จ ซึ่งจำนวนที่นายไพโรจน์ยื่นกู้ธนาคารแห่งประเทศไทยคือ จำนวน 1,600 ล้านบาท 

ภายหลังนายไพโรจน์ได้ปรับเงื่อนไขจึงทำให้ไม่มีเงินก้อนไปชำระให้กับธนาคารอิสลามจึงมีการเรียกให้มาปรับสถานะการชำระหนี้ โดยไม่ต้องคืนเงินต้น แต่ต้องส่งดอกเบี้ยและมีการผ่อนชำระไปจำนวนหนึ่งแต่เกิดช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนักทำให้ธุรกิจสะดุด จึงทำให้สถานะทางการบริหารงานของทั้งคู่ได้ถูกปรับเปลี่ยน  

โดยปัจจุบันนายชาญมีอำนาจในการบริหารในฐานะผู้ทำแผนฟื้นฟู ส่วนธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยได้ฟ้องคุณไพโรจน์และพวก หุ้น 80% ตอนนี้จึงเป็นเงินที่ค้ำประกัน สถานะตอนนี้คือเป็นผู้ค้ำประกันและรอการพิจารณาคดีของศาล ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการตามกฎหมาย

และที่นายไพโรจน์ ทุ่งทอง ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเจ้าของตัวจริงนั้น ทางโรงแรมพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดให้นายไพโรจน์ได้รับความเสียหาย แต่กลับตรวจพบการทุจริตภายในโรงแรมด้วย

ทั้งนี้ ก่อนจะมีการสร้างโดมปิดบังครูกายแก้ว ซึ่งใช้งบกว่า 60 ล้าน คุณชาญ ผู้บริหารโรงแรมถูกหวย 15 ล้าน จึงช่วยเหลือเงิน 20 ล้านในการสร้างโดมปิดบังครูกายแก้วด้วย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น นายชาลี ได้พาชมสถานที่ พร้อมบอกว่าหากผู้ประกอบการท่านใดสนใจที่จะเช่าพื้นที่เพื่อจำหน่ายสินค้า ให้ขายฟรี 6 เดือน จ่ายเฉพาะค่าไฟและค่าน้ำเท่านั้น