เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีประวัติยาวนานกว่า 134 ปี ถือเป็นคุก หรือทัณฑสถานที่มีระบบจัดการคุมขังนักโทษตามหลักสากล เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ผ่านการเปลี่ยนชื่อมาแล้วหลายครั้ง และย้ายที่ตั้งใหม่เพื่อรองรับจำนวนนักโทษที่เพิ่มขึ้นหลายแดน มาดูประวัติและความเป็นมาของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อยู่ที่ไหน
เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ เลขที่ 33 ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ซึ่งผ่านการย้ายและเปลี่ยนชื่อมาแล้วหลายครั้ง ญาติสามารถฝากเงินผ่านการเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย และจองเข้าเยี่ยมก่อนมาเยี่ยมผู้ต้องขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร รวมถึงสามารถเยี่ยมผู้ต้องขังออนไลน์ได้ในช่วงที่เวลาทำการที่ให้บริการ
เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ประวัติ
เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เดิมตั้งอยู่ที่ เลขที่ 436 ถนนมหาไชย ตำบลสำราญราษฎร์ อำเภอพระนคร จังหวัดพระนคร ปัจจุบันคือจังหวัดกรุงเทพมหานคร ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้โปรดเกล้าฯ ซื้อที่ดินตำบลตรอกคำ ถนนมหาไชย สร้างคุกขึ้นใหม่ เรียกว่า กองมหันตโทษ และมีหน่วยงานราชการที่จัดการเกี่ยวกับงานคดีนักโทษตั้งอยู่ที่ถนนหน้าหับเผย ตั้งอยู่ที่สนามหลวง
พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อการสร้างเรือนจำ ได้ตรัสว่า “การคุกการตะรางเป็นความสำคัญของประเทศ สมควรจะได้ก่อสร้างสถานที่และจัดระเบียบเป็นปึกแผ่น”
ณ ที่ดินบริเวณตรอกคำ ถนนมหาไชย สร้างเป็น “คุกกองมหันตโทษ” ในปี พ.ศ. 2432 (ร.ศ. 108) นับจากการสร้างคุกอย่างเป็นทางการ ถือว่าปัจจุบันนับอายุได้ 134 ปี มีตึก 4 หลัง ขังนักโทษไทยและต่างประเทศ และได้มีการฝึกอาชีพนักโทษให้ประกอบวิชาช่างต่างๆ เพื่อจะได้มีวิชาความรู้ออกไปสร้างอาชีพต่อไป
...
บรรยากาศภายใน “คุกกองมหันตโทษ” มีส่วนที่แบ่งออกเป็นแดนรับนักโทษใหม่ เรือนนอน และโรงครัว ส่วนห้องน้ำสมัยนั้นยังไม่มีการสร้างส้วมไว้ในโรงนอน การขับถ่ายผู้ต้องขังจะต้องขับถ่ายบนถังไม้ เรียกว่า “ถังเมล์” พอรุ่งเช้าผู้ต้องขังก็หิ้วนำไปทิ้งที่แดนเกษตรด้านหลัง
พระยาไชยวิชิต สิทธิสาตรา (นาค ณ ป้อมเพชร) ผู้ก่อสร้างคุกแบบสากล ตามแบบเรือนจำ Brixton ของต่างประเทศ สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2433 (ร.ศ. 109) ผู้บัญชาการกรมนักโทษ
- เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ยุคแรก มีผู้ต้องขัง 200 คน
ปี พ.ศ. 2433 ผู้ต้องขังกลุ่มแรกที่ได้ย้ายแดนมาอยู่เรือนจำแบบใหม่นี้ มีเพียง 200 คน ย้ายเพิ่มมาในเดือนมีนาคมอีก 9 คน เดือนเมษายนอีก 92 คน และเดือนกรกฎาคม 490 คน นักโทษคุกเก่าที่ย้ายมา รวมกับนักโทษใหม่ที่ย้ายมาจากหัวเมืองต่างๆ ในปีนั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 1,000 คน
- เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ยุคคุกบางขวาง เรือนจำคลองเปรม
เมื่อมีแนวโน้มถึงจำนวนนักโทษมากขึ้นตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ได้มีการสร้าง “เรือนจำลหุโทษ” ไว้ที่ตำบลคลองบางขวาง จังหวัดนนทบุรี ในปี พ.ศ. 2470 เมื่อย้ายผู้ต้องขังจากกองมหันตโทษที่ถนนหน้าหับเผยมาหมดแล้ว จึงยุบเลิกและสังกัดอยู่ในกระทรวงยุติธรรม
- พ.ศ. 2484 ยกกองลหุโทษเป็น “เรือนจำกลางประจำเขตคลองเปรม”
- พ.ศ. 2496 ยกกองลหุโทษเป็น “เรือนจำกลางคลองเปรม”
- พ.ศ. 2505 ย้าย “เรือนจำกลางคลองเปรม” มาสร้างที่ตำบลลาดยาว อำเภอบางเขน จังหวัดพระนคร (กรุงเทพมหานครในสมัยนั้น)
- พ.ศ. 2506 ได้กำหนดแยกเรือนจำกลางคลองเปรม และเรือนจำจังหวัดพระนครและธนบุรีออกจากกัน แต่ยังอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
- พ.ศ. 2513 ยุบเรือนจำกลางคลองเปรม ตำบลสำราญราษฎร์ อำเภอพระนคร มาอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ตำบลลาดยาว จังหวัดพระนคร ส่วนเรือนจำที่อยู่ถนนมหาไชย ใช้ชื่อว่า “เรือนจำจังหวัดพระนครและธนบุรี”
- พ.ศ. 2516 มีประกาศจากคณะปฏิวัติเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงของไทยเป็น “กรุงเทพมหานคร” จึงเรียกเรือนจำนครหลวงกรุงเทพธนบุรี ว่า “เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร”
- พ.ศ. 2530 พื้นที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเดิมที่อยู่บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน จากที่ประชุม วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 โดยคณะกรรมการโครงการกรุงรัตนโกสินทร์ เพื่อใช้พื้นที่เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติและความเป็นมาของกิจการราชทัณฑ์ในประเทศไทย และจัดสรรพื้นที่ที่เหลือเป็นสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติพระนางเจ้าสิริกิติ์ เรียก “สวนรมณีนาถ”
- พ.ศ. 2534 เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ย้ายผู้ต้องขังมาไว้ยังหอเรือนจำใหม่ จำนวน 360 คน โดยมีนายณรงค์ชัย สุวารี เป็นผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครที่ใหม่นี้เป็นคนแรก และเริ่มทำการตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2535
รายชื่อผู้บัญชาการเรือนจำ 10 คนแรก
รายชื่อผู้รับราชการเป็นผู้บัญชาการเรือนจำในสมัยก่อนจะได้รับชื่อเรียกยศที่สอดคล้องกับตำแหน่งและหน้าที่ โดยตามประวัติแล้วมีชื่อผู้บัญชาการเรือนจำ 10 คนแรก ดังนี้
1. พ.ต.อ.พระยาพัศดีกลาง พ.ศ. 2458-2475
2. พระบริหารทัณฑนิติ พ.ศ. 2475-2480
3. หลวงอรรถกัลยาณวินิจ พ.ศ. 2480-2482
4. พ.ต.ต.หลวงรักษาสุขศานติ พ.ศ. 2482-2484
5. ร.ต.ท.เสถียร ลายลักษณ์ พ.ศ. 2484-2486
6. ขุนอภิจิตรสุรทัณฑ์ พ.ศ. 2486-2488
7. นายบรรยง มกราภิรมย์ พ.ศ. 2488-2489
8. พระบริหารทัณฑนิติ พ.ศ. 2489-2490
9. ขุนนิยมบรรณสาร พ.ศ. 2490-2492
10. ขุนพิสิฐนนทเดช พ.ศ. 2492-2494
ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร คนปัจจุบัน คือ นายนัสที ทองปลาด
วิธีฝากเงินเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเรือนจำ 60 กว่าแห่ง ของสังกัดกรมทัณฑสถานในประเทศไทยที่รับฝากเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ได้ โดยมีวิธีการทำงานดังนี้
...
ผู้ที่ฝากเงินให้แก่ผู้ต้องขังได้ คือผู้ที่ต้องลงทะเบียนทำบัตรฝากเงิน ได้แก่
1. บิดา มารดา ภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย พี่น้องร่วมบิดา มารดา และบุตร
2. บุคคลที่ผู้ต้องขังระบุเป็นผู้มีสิทธิเข้าเยี่ยม
3. ตัวแทนจากหน่วยงานราชการ เช่น สถานทูต สถานกงสุล สถานเอกอัครราชทูต
เอกสารที่ต้องใช้ทำบัตรฝากเงิน ได้แก่
1. บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง
2. สำเนาสมุดบัญชีธนาคารเล่มจริงที่ยังฝากถอนทำธุรกรรมการเงินได้ปกติ ยกเว้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ กับ ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ผู้ต้องขังต่างชาติที่ไม่ใช่คนไทย ใช้ Passport และถ้าหากไม่มีญาติเป็นคนไทย ให้ใช้หนังสือมอบหมายจากสถานทูต และสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล
ค่าธรรมเนียมการฝากเงิน ฝากไม่เกิน 1,000 บาท ไม่เสียค่าธรรมเนียม เกิน 1,000 บาท เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
ช่องทางการฝากเงิน ฝากที่เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา, ตู้ ATM กรุงไทย และแอปพลิเคชันกรุงไทย NEXT
การเยี่ยมผู้ต้องขัง นักโทษในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
การเยี่ยมผู้ต้องขัง เยี่ยมได้เวลา 09.00-15.00 น. โดยไม่มีหยุดพักกลางวัน การได้คิว ขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้ติดต่อเยี่ยมในวันนั้น กรอกใบเยี่ยม กรอกชื่อนามสกุลผู้ต้องขังและแดน หากไม่ทราบก็สอบถามจากเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบเวลาเยี่ยมได้จากตราประทับบนเอกสาร
เอกสารที่ใช้ในการขอเยี่ยม ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชนของผู้เยี่ยม
กฏการขอเยี่ยมผู้ต้องขัง
- ต้องเป็นญาติมิตร หรือผู้ที่รู้จักกับผู้ต้องขัง หรือมีกิจเกี่ยวข้องกับผู้ต้องขัง
- ต้องไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง
- ต้องแต่งกายสุภาพ ไม่เอะอะโวยวาย ไม่อยู่ในอาการมึนเมายาเสพติดหรือสุรา
...
- ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกระเป๋า สัมภาระ ของฝาก
- เข้าเยี่ยมได้ไม่เกินรอบละ 40 นาที ต่อรอบ ต่อวัน
- เมื่อได้รับสัญญาณหมดเวลาแล้วต้องออกจากห้องเยี่ยมทันที
- ไม่แสดงกิริยา แก่ผู้ต้องขังให้กระทำผิดวินัย หรือผิดกฎหมาย
- หากรอเยี่ยมนานกว่า 30 นาทีแล้วยังไม่ได้เข้าเยี่ยมตามเวลา ให้แจ้งเจ้าหน้าที่รับทราบ
- ห้ามส่งโทรศัพท์มือถือให้ผู้ต้องขังพูดติดต่อกับคนอื่น
- ไม่ส่งมอบสิ่งของใดๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่แก่ผู้ต้องขัง
- หากจะส่งเอกสารให้ผู้ต้องขังลงลายมือชื่อในเอกสาร มอบอำนาจ มอบฉันทะใดๆ ให้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่รับทราบก่อนทุกครั้ง
ที่มา :
1. เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร., https://www.hosdoc.com/images/stories/documente/November/profile/pesedbangkok.pdf
2.ระบบบริการบัญชีเงินฝากผู้ต้องขังผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารพาณิชย์., ศูนย์เทคโนโยลีสารสนเทศ กองยุทธศาสตร์และแผนงานกรมราชทัณฑ์., https://drive.google.com/file/d/1uPrtIgRnvP5vLCb0Ml2O64FvLjZa5AGu
3. การเยี่ยมผู้ต้องขัง,http://www.correct.go.th/popnogb/menu2/m23.html