เลขาฯ ผู้ว่าฯ กทม. เข้าตรวจสอบสถานที่ตั้ง "ครูกายแก้ว" ยังไม่พบว่ามีอะไรผิดระเบียบ จะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ด้านโรงแรมตอบชัดเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว มีชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความเคารพนับถือ
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 18 ส.ค. 2566 นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ตั้ง "ครูกายแก้ว" บริเวณด้านโรงแรมเดอะบาซาร์ ถนนรัชดาภิเษก เพื่อพูดคุยกับตัวแทนของโรงแรม กรณีรูปปั้นครูกายแก้ว โดยระบุว่า วันนี้ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อร้องเรียนของสิ่งปลูกสร้างครูกายแก้ว ซึ่งจากการตรวจสอบพื้นที่ ครูกายแก้วมีความสูงเพียง 5 เมตร ไม่ได้เกิน 10 เมตร ตามกฎกระทรวงที่หากเกิน 10 เมตร จะเข้าข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.อาคาร ที่จะต้องขออนุญาต ดังนั้นหากตั้งอยู่ในสถานที่ของเอกชน ก็ถือว่าไม่เป็นอะไร
เลขานุการผู้ว่าฯ กทม. กล่าวอีกว่า ในเบื้องต้นเรื่องการปลูกสร้างก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องข้อร้องเรียนของกลุ่มที่คัดค้านเกิดความไม่สบายใจ และรู้สึกไม่ดีเมื่อผ่านไปผ่านมานั้น ได้ทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย มีทั้งกลุ่มที่ศรัทธามาไหว้ ก็ถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนมีกลุ่มที่ไม่สบายใจ กทม.ก็ได้หารือกับทางโรงแรมช่วยหาวิธีให้ผู้ที่สัญจรผ่านไปมาไม่สามารถมองเห็นได้อย่างสะดวกนักโดยทางโรงแรมยินดีให้ความร่วมมือ
...
ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้า กทม.จะออกหนังสือไปยังกรมศาสนา เพื่อสอบถามถึงประเด็นการตั้งและบูชารูปปั้นครูกายแก้ว ว่าเป็นการขัดต่อศาสนา หรือศีลธรรมอันดีหรือไม่
ขณะที่ นายชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา เลขาประธานกรรมการบริหารโรงแรม กล่าวว่า โรงแรมพร้อมให้ความร่วมมือกับ กทม.ทุกประเด็น หาทางออกให้กับทั้งผู้ที่ศรัทธาและผู้ไม่ศรัทธา โดยจะหารือกับผู้เช่าสถานที่ในเรื่องนี้อีกครั้ง เพราะจุดที่ตั้งของครูกายแก้วมีเอกชนมาดำเนินการจ่ายค่าเช่าให้กับโรงแรม แต่การออกแบบโครงสร้างทางภูมิสถาปัตยกรรมดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้ความเห็นชอบของโรงแรม และโรงแรมยินดีช่วยเรื่องงบประมาณ
เลขาประธานกรรมการบริหารโรงแรม กล่าวด้วยว่า ส่วนสิ่งใดก็ตามที่อาจจะขัดต่อกฎหมาย เช่น การนำสัตว์มาบูชาตามความเชื่อนั้น โรงแรมจะยกเลิกสัญญาการเช่าทันที ทั้งนี้ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวโรงแรมมองว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่หากสิ่งใดที่ทำให้ผู้คนไม่สบายใจก็พร้อมที่จะปรับปรุง
ต่อมาเมื่อช่วงเย็นวันเดียวกัน ตัวแทนจากกลุ่มสภาศิลปินส่งเสริมพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้เข้ายื่นหนังสือให้ผู้บริหารโรงแรมเดอะ บาร์ซ่า กทม.
เพื่อเสนอแนะ และร้องเรียนให้ผู้บริหารพิจารณายุติการให้สักการะ และนำรูปหล่อ "ครูกายแก้ว" ออกจากพื้นที่ เพื่อความสบายใจ และเป็นขวัญกำลังใจของประชาชน
ดร.ศุภาชัย ผ่องสวัสดิ์ กล่าวถึงกระแสสังคมที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องประวัติและความเป็นมาของรูปปั้นครูกายแก้ว ว่าอยากจะใช้โอกาสนี้เป็นสื่อในการทราบถึงหลักของชาวพุทธในการสักการะบูชาอะไรก็ตามจะต้องมีหลักเหตุและผล ในเรื่องของการมู หรืออภินิหารต่างๆก็จะมีอยู่ในพระพุทธศาสนา เรื่องการไหวเทวดาก็ถือว่าไม่ผิดหลักการ แต่ต้องมีหลักฐานอ้างอิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีการปล่อยให้ความเชื่อในลักษณะดังกล่าวนี้ไปสู่รุ่นสู่รุ่น โดยที่เด็กรุ่นหลังจะกราบไหว้โดยไม่มีเหตุผล เพียงเพราะเห็นได้โชคลาภก็ไหว้สะเปะสะปะ อาจเป็นผลเสียต่อพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธเจ้าสอนว่าการบูชาบุคคลที่ควรบูชาเป็นอุดมมงคล ดังนั้นพระรัตนตรัยจึงควรที่จะเป็นที่พึ่งสูงสุดของพุทธศาสนิกชน
ด้าน น.ส.วีรยานันท์ อภิธนาพัฒน์ อ่านคำแถลงการณ์ ถึงประเด็นดังกล่าว จากมีการนำรูปปั้นที่แปลกตาและมีลักษณะน่ากลัวนำมาตั้งให้คนสักการะเสมือนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยที่พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ไม่ทราบประวัติที่มาว่าเป็นสถานะใด เป็นเทพ เป็นพรหม หรือสิ่งใด ต่อมามีผู้รู้ผู้วิจารณ์ในโซเชียลมากมาย ต่างออกมาระบุว่าเป็นอสุรกายบ้าง เป็นเทพอสูรบ้าง ซึ่งไม่สอดคล้องกับเทพเทวดาในหลักพระพุทธศาสนา บางรายบอกเป็นเปรตบ้าง ซึ่งดังที่กล่าวมา พระพุทธศาสนาได้มีหลักคำสอนที่ทุกคนควรยึดถือและปฏิบัติคือการบูชาบุคคลที่ควรบูชาเป็นอุดมมงคล เช่น พระรัตนตรัยบิดา มารดาหรือเทวดา และพระมหากษัตริย์ ที่มิใช่อสูรกาย เปรต ถึงแม้จะมีอิทธิฤทธิ์บันดาลบางอย่างได้ แต่ก็อยู่ในภูมิทุคติต่ำกว่ามนุษย์ จะเป็นมงคลได้อย่างไร ซึ่งจะนำมาซึ่งความเสื่อม และไม่เป็นมงคลต่อผู้บูชา และอาจจะมีผลกระทบต่อพื้นที่ใกล้เคียงได้
...
ดังนั้น เครือข่ายจึงไม่สบายใจ จึงอยากจะเสนอแนะเพื่อพิจารณา คือ ไม่ให้คนสักการะบูชา อาจจะทำเป็นรูปปั้นที่แสดงประวัติตามความเชื่อ แต่ไม่ใช่เปิดให้สักการะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์กลางเมือง ถ้าเป็นไปได้จะเคลื่อนย้ายออกไปให้พ้นในพื้นที่จะดีมาก หรือหากไม่สามารถทำได้ทั้ง 2 อย่าง ก็ควรที่จะจัดพิธีบวงสรวงขอขมาต่อพระรัตนตรัย และพรหมเทวดาชั้นสูงมีท้าวมหาราชทั้ง 4 และไม่เน้นการบูชารูปปั้นนี้อีกต่อไป โดยต้องมีการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดภาณยักษ์ เนื่องจากกังวลว่าจะทำให้บรรดาภูตผีหรือสิ่งไม่ดีที่มาสถิตสิงห์อยู่ในรูปปั้นนี้หลีกทางออกไปด้วยพุทธคุณ
ขณะที่ นายชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการประธานกรรมการบริหารไนท์บาซ่า เป็นตัวแทนผู้มารับหนังสือ ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยกล่าวว่าพื้นที่นี้เราเป็นเจ้าของร่วมกับการรถไฟ เพราะเราเช่าพื้นที่การรถไฟ ขณะนี้โรงแรมของเราอยู่ในช่วงของการฟื้นฟูโรงแรม หลายคนตกงานไปในช่วงโควิด ฝ่ายบริหารได้เห็นพื้นที่แยกห้วยขวางมีการไหว้สักการะและดึงดูดนักท่องเที่ยว ฝ่ายบริหารเราจึงได้ดำเนินการตามบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นใหญ่โตขนาดนี้ ซึ่งเจ้าของครูกายแก้วมาขอเช่าพื้นที่ซึ่งเราก็ไม่รู้จัก แต่สิ่งหนึ่งที่ตนอยากจะบอกว่าตอนนี้ประชาชนให้ความสนใจเดินทางมาชมที่นี่กันเป็นจำนวนมาก ยอดจองโรงแรมดีขึ้น ส่วนเรื่องผิดศาสนานั้นอาจารย์ที่ทำครูไกรแก้วได้ออกมาบอกแล้วว่าไม่ใช่เรื่องของศาสนาพุทธแต่เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล หากมองว่าจุดนี้เป็นปัญหาก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูในจุดอื่นๆเช่นวัด ที่ยังมีการไหว้รูปปั้นอื่นๆเช่น ไอ้ไข่ หรือพญานาค ครึ่งทางโรงแรมไม่ได้เพิกเฉยกับปัญหาที่เกิดขึ้น
วันนี้ กทม.มาพูดคุยหารือจึงได้ข้อสรุปว่าเราควรจะเอาใจทั้งสองฝ่ายสำหรับคนที่ชื่นชอบและไม่ชอบโดยจะมีการแก้ปัญหาด้วยการทำโดมคลุมเพื่อปิดกั้นให้เฉพาะคนที่ชอบและศรัทธาเข้ามาสักการะ สร้างเป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพมหานครเพื่อหาทางออกของทั้งสองฝ่าย ทางโรงแรมยอมถอยและน้อมรับฟัง
...
ทั้งนี้ เหล่าศิลปินยังขอแสดงเจตนารมณ์ในช่วงท้ายยืนยันว่าหากมีความเป็นได้ไปได้อยากให้นำรูปปั้นครูกายแก้วออกไปจากพื้นที่ใจกลางกรุง เนื่องจากหวั่นเรื่องทุนนิยมพี่อาจจะตามมาในอนาคต