ศาลตัดสินแล้ว 3 โจรใต้ลอบวาง บึมสถานที่ราชการหลายจุดป่วนกรุงกลางปี 62 เผยคำพิพากษา “ลูไอ แซแง และวิลดัน มะหา” จำเลย 2 คนแรก ที่ร่วมกันวางระเบิดแสวง เครื่องหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้จำคุกตลอดชีวิต แต่คำให้การในชั้นซักถามเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 39 ปี 16 เดือน ขณะที่จำเลยที่ 3 “มูฮัมหมัดอิลฮัม หรือแบลี สะอิ” ในฐานะตัวการ โดนอ่วม 164 ปี 72 เดือน 240 วัน

คดีคนร้ายลอบวางระเบิดป่วนกรุงหลายจุด อาคารศูนย์ราชการ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสช่องนนทรี ศาลพิพากษาแล้วเมื่อสายวันที่ 3 ก.ค. ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายลูไอ แซแง อายุ 27 ปี นายวิลดัน มะหา อายุ 33 ปี และนายมูฮัมหมัดอิลฮัม หรือแบลี สะอิ อายุ 31 ปี เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้ายฯอั้งยี่ซ่องโจร, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายและข้อหาอื่นๆ อัยการฟ้องว่าระหว่างวันที่ 13 ก.ค.62 ถึง 2 ส.ค.62 ต่อเนื่อง กัน จำเลยกับพวกอีก 18 คนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้ร่วมกันแยกย้ายแบ่งหน้าที่กันทำนำวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่องที่ผลิตขึ้นเองใส่ไว้ในภาชนะกระป๋องมันฝรั่ง กล่องผลไม้มีโลหะลูกปราย หรือลูกเหล็กกลมทำเป็นสะเก็ดระเบิดไปวางไว้ตามสถานที่ราชการ อาทิ หน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ริมทางเท้าถนนพระรามที่ 1 หน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และนำไปที่บริเวณหน้าอาคารบี รัฐประศาสนภักดี และหน้ารั้ว อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย ภายในศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ กทม.

ต่อมาวันที่ 13 ส.ค.62 เจ้าพนักงานติดตามจับกุมจำเลยที่ 1-2 ได้ ยึดของกลาง 39 รายการ ส่วนจำเลยที่ 3 ถูกจับกุมวันที่ 2 ก.ย.62 เหตุเกิดแขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ วันนี้ศาลให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวจำเลยที่ 1-3 มาฟังคำพิพากษา ขณะที่ทนายความและญาติจำเลยประมาณ 20 คน เดินทางมาศาล

...

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานต่างๆ ในส่วนของจำเลยที่ 1-2 รับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองเคยไปประเทศเพื่อนบ้านเพื่อประชุมและวางแผนกับจำเลยที่ 3 และพวก ถึงขั้นตอนตระเตรียมการ ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ขับรถมาดูลาดเลาที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนให้จำเลยที่ 1-2 มาที่หน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 1 ได้นำระเบิดแสดงเครื่องบรรจุในกระป๋องมันฝรั่ง และกล่องน้ำผลไม้จากจำเลยที่ 2 มาวางบริเวณดังกล่าว ระหว่างนั้นมีแม่ค้ารถเข็นขายไส้กรอกผ่านมาเห็นผิดสังเกตแจ้งตำรวจที่รักษาการณ์อยู่หน้าประตูทางเข้าและแจ้งผู้บังคับบัญชาให้ทราบก่อนประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) มาเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ทัน

ส่วนจำเลยที่ 1 และ 2 เมื่อก่อเหตุแล้วพากันเดินไปยังห้องน้ำชั้น G ห้างสยามพารากอนเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ขึ้นรถแท็กซี่ไปสถานีขนส่งหมอชิตใหม่เพื่อซื้อตั๋วรถทัวร์ไป อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อหลบหนี คำเบิกความของแม่ค้ารถเข็นขายไส้กรอก และพนักงานขายตั๋วรถทัวร์จดจำใบหน้าคนร้ายได้ ประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นพยานหลักฐานสำคัญ พิพากษาจำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อั้งยี่ซ่องโจร และร่วมกันใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ เป็นบทหนักสุด พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-2 ตลอดชีวิต คำให้การชั้นซักถามของเจ้าพนักงาน อำนาจตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) พ.ศ.2548 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 39 ปี 16 เดือน

ส่วนจำเลยที่ 3 รับฟังข้อเท็จจริงได้ว่าร่วมเป็นตัวการในการกระทำผิดโดยร่วมประชุมวางแผนกับจำเลยที่ 1-2 และพวกที่ประเทศมาเลเซียและจัดหาวัตถุระเบิดแสดงเครื่องให้จำเลยที่ 1-2 เพื่อก่อเหตุวางระเบิด นอกจากนี้จำเลยที่ 3 ยังลักลอบนำระเบิดแสวงเครื่องไปวางไว้หน้าอาคารมหานคร และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ช่องนนทรี จนเกิดเหตุระเบิดมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ลอบวางระเบิด หน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม, หน้ารั้วกองบัญชาการกองทัพไทย, อาคารบี ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ พิพากษาจำเลยที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อั้งยี่ซ่องโจร และร่วมกันใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 3 รวม 164 ปี 72 เดือน 240 วัน แต่ความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 10 ปีขึ้นไป แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกิน 50 ปี ดังนั้นให้จำคุกจำเลยที่ 3 เป็นเวลา 50 ปี ริบของกลาง ภายหลังนายกิจจา อาลีอิสเฮาะ ทีมทนายความจำเลย เปิดเผยว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยทั้งสามคน แต่ก็ถือว่าเป็นโทษที่ไม่สูงมากจนเกินไป สำหรับคดีเกี่ยวกับความมั่นคง