“รองโจ๊ก” ยันคดีจีจี้นักข่าวสาวชาวจีนเรียกรับเงิน “นวพร” เจ้าแม่ อุ้มบุญจีนเทา เป็นไปตามกฎหมาย แย้มได้ข่าวการเรียกรับเงินมาหลาย ครั้ง แต่ครั้งนี้มีหลักฐานเพียบทั้งภาพถ่ายและพยานบุคคล ทั้งที่จ่ายเงิน 14 ล้านบาทเป็นเงินสด สามีจีจี้ ถูกจับด้วย ประสานเอกอัครราชทูตจีนรับทราบข้อมูลทั้งหมดแล้ว ต่างเชื่อมั่นการทำงานตรงไปตรงมา ยึดหนังสือเดินทางห้ามออกนอกประเทศ พร้อมยกเลิกตำแหน่งที่ปรึกษาผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปแล้ว ด้านนักข่าวสาวชาวจีนโพสต์ยืนยันความบริสุทธิ์ โอดงานนี้ถูกแก๊งจีนเทาเล่นงานหนัก เพราะช่วยงาน ตำรวจคลี่คลายคดีแก๊งจีนเทาหลายเรื่อง รวมทั้งกล่อมให้เหยื่อให้ความร่วมมือ ยันไม่เคยรู้จัก “นวพร” ผู้กล่าวหา ลั่นพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาล

กรณีชุดทำงาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จับกุม น.ส.หลุ่ย กั๊ว หรือจีจี้ อายุ 44 ปี ผู้สื่อข่าว สาวชาวจีน ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 26 พ.ค. หลังผู้สื่อข่าวคนดังแอบอ้างชื่อไปเรียกรับเงินจากนางนวพร ภาเกียรติสกุล อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาคดีอุ้มบุญให้กลุ่มทุนจีนสีเทา อ้างว่าสามารถวิ่งเต้นล้มคดีได้ เรียกรับเงิน 33 ล้านบาท เบื้องต้นจ่ายมาแล้ว 14 ล้านบาท แต่วิ่งเต้นล้มคดีไม่ได้จริงนางนวพรโวยวาย จนตำรวจชุดทำงานรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ ข้อหาเรียกรับ หรือยอมจะรับผลประโยชน์ใดๆ เพื่อให้เจ้าพนักงานของรัฐกระทำการใด ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ หลังถูกจับกุมจีจี้ให้การปฏิเสธและยื่นประกันตัวชั้นสอบสวนไปด้วยวงเงิน 3.5 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากสโมสรตำรวจ เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 พ.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า สำหรับการดำเนินคดีกับจีจี้และปล่อยชั่วคราวตีหลักทรัพย์ 3.5 ล้านบาท เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เนื่องจากคดีนี้เป็นการเรียกจีจี้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ขณะที่ตัวจีจี้เข้ามาพบไม่ได้เป็นการตามไปจับกุมจึงให้ปล่อยชั่วคราว สำหรับจีจี้เป็นสื่อจีนทำงานกับผมมาตั้งแต่สมัยเป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ทำหน้าที่สื่อสารกับสื่อจีนหลายคดี รวมถึงคดีของนางนวพร ในการดำเนินคดีครั้งนี้เป็นเพราะแอบอ้างชื่อผมไปเรียกรับทรัพย์สิน เพราะฉะนั้นต้องดำเนินคดีตามกฎหมายไม่ว่าใคร แม้จะเป็นลูกน้องใกล้ชิด เมื่อกระทำความผิดต้องดำเนินคดีมาตรฐานเดียวกัน ยิ่งใกล้ตัวเท่าไหร่ยิ่งต้องดำเนินคดีเข้มข้นมากขึ้น สำหรับลูกน้องใกล้ชิดเมื่อมีโอกาสต่างๆแล้วไปรีดไถเงินต้องลงโทษหนักดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย ไม่มีการเลือกปฏิบัติ

...

“ส่วนเรื่องว่าจีจี้กระทำผิดหรือไม่ ขอให้ไปสู้กันในชั้นศาล ส่วนเส้นทางการเงินจำนวน 14 ล้านบาท ที่นางนวพรมอบให้จีจี้ ทราบว่าเป็นเงินสด ตำรวจมีหลักฐานอยู่ในสำนวนการสอบสวน ทั้งภาพ ประจักษ์พยาน ที่มาของเงิน หากไม่มีหลักฐานเหล่านี้ศาลคงไม่ออกหมายจับ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเดือน มี.ค.66 ขณะนั้นนางนวพรยังไม่ได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำ ผมทราบเรื่องจีจี้แอบอ้างลักษณะนี้ มานานแล้วแต่ยังไม่มีหลักฐาน คดีนี้เป็นคดีแรก หากมีคดีลักษณะแอบอ้างผมอีกขอให้ผู้เสียหายที่ถูกเรียกรับเงินมาร้องเรียนได้ สำหรับคดีนี้จีจี้เป็นผู้ต้องหาร่วมกับสามีในการกระทำความผิด จึงดำเนินคดี กับทั้ง 2 คน” รองโจ๊กกล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า สำหรับจีจี้เป็นคนจีนแต่มาเรียนเมืองไทย 30-40 ปีแล้ว ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับทางการจีน ตนพูดคุยกับทางอุปทูตจีนและเอกอัครราชทูตจีน ต่างเชื่อมั่นในการทำงานของตนอยู่แล้วว่าตรงไปตรงมา ไม่มีการกลั่นแกล้งใคร ส่วนตัวบริษัทของจีจี้ที่เชื่อมโยงกับบุคคลอื่น อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง หากดำเนินการ บริษัทไปตามวัตถุประสงค์อย่างถูกต้องถือว่าไม่มีปัญหา ส่วนเส้นทางการเงิน 14 ล้านบาทยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ วันนี้จีจี้ติดต่อเข้ามาพบตนช่วง 10.00 น. เพื่อขออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น สุดท้ายเลื่อนออกไป ตนให้สิทธิ์ทุกอย่าง เป็นตำรวจทำหน้าที่ ติดดิน ใครเข้าพบก็ได้ กินข้าวกับใครได้หมด การ เอาชื่อไปแอบอ้างเรียกรับผลประโยชน์เป็นการกระทำผิดกฎหมายต้องดำเนินคดี ตำรวจกับนักข่าวต่างเป็นมิตรกัน แต่การไปแอบอ้างทำให้เสียหาย เรื่องที่เกิดขึ้นตนไม่โกรธแต่ต้องดำเนินคดีที่ทำให้ตนเสียหาย

รอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า จากนี้ไปในส่วนของจีจี้ต้องขึ้นบัญชีดำห้ามเดินทางออกนอกประเทศ มีสถานะเป็นผู้ต้องหา จีจี้ขออนุญาตไปฮ่องกงอ้างว่ามีประชุม พนักงานสอบสวนไม่อนุญาต ต้องยึดพาสปอร์ตไว้ ส่วนการโพสต์ข้อความชี้แจงของจีจี้เป็นสิทธิ์ของเขาจะทำอย่างไรก็ได้ หากศาลยังไม่ตัดสินให้คดีถึงที่สุด ถือว่าเขายังเป็นผู้บริสุทธิ์ คดีนี้ที่ สน.ลุมพินี บันทึกทะเบียนประวัติผู้ต้องหาไว้แล้ว หากศาลพิพากษาแล้วเสร็จเมื่อไหร่จะทำทะเบียน ประวัติอาชญากร เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสามีของจีจี้ที่ถูกดำเนินคดี ทราบว่าชื่อ นายซันนี่เป็นชาวจีน ถูกจับกุมคดีเรียกรับเงินไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนจีจี้มีสัญชาติจีนแต่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 30 ปี ภายหลังเข้าไปช่วยเหลือเป็นล่ามภาษากลุ่มคนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย เคยได้รับการไว้วางใจแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2565 หลังตกเป็นผู้ต้องหา รอง ผบ.ตร.สั่งยกเลิกตำแหน่งดังกล่าวไปแล้ว ปัจจุบันจีจี้ถือวีซ่า Thailand Privilege Card หรือวีซ่าประเภทพิเศษสำหรับนักธุรกิจ นักลงทุนชาวต่างชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อดึกคืนวันที่ 27 พ.ค. หลังตกเป็นข่าวถูกจับกุมข้อหารีดทรัพย์ จีจี้ โพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ระบุว่า เรียนคู่ค้าที่เคารพ เพื่อนๆที่เป็นห่วงเรา และพนักงานทุกคน ตอนนี้การโจมตีล้างแค้นของกลุ่มจีนเทาได้เข้าถึงจีจี้อย่างร้ายแรง ด้วยวิธีการที่แยบยลและร้ายกาจมากๆ ซึ่งจีจี้คาดไว้ว่าคงจะได้รับการโจมตีจากคนเหล่านั้นและระวังตัวตลอด รวมทั้งมีการจ้าง bodyguard ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา แต่ในที่สุดก็หลบไม่พ้นกับขบวนการแก้แค้นทำร้ายของอิทธิพลจีนเทา เรื่องถูกหมายจับตามที่สื่อนำเสนอนั้นเป็นจริง นี่เป็นวิธีการแก้แค้นใส่ร้ายที่เราไม่คาดคิดมาก่อน ตอนที่ถูกจับตกใจมาก เพราะไม่เคยกระทำความผิดใดๆ แต่เมื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้วจึงรู้ว่ามูลเหตุของเรื่องนี้เกิดจากการที่เราช่วยเหลือให้ข้อมูลกับทางราชการตำรวจไทย ประสานผู้เสียหายแจ้งความ อันเป็นการทำประโยชน์แก่ประเทศไทย จนนำมาสู่การจับกุมคนกระทำผิดหลายครั้ง รวมไปถึงตัวของนางนวพรคนที่กล่าวหาคดีนี้ด้วย ด้วยเหตุนี้จึงขอวิงวอนว่าอย่าเพิ่งหลงเชื่อคำกล่าวหา ที่เกิดจากความแค้นและจ้องทำร้ายของเครือข่ายนางนวพร

...

ทั้งนี้ จีจี้ขอยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักนางนวพร หรือ อาโจเป็นการส่วนตัวเลย เพียงแค่รู้จักในข้อมูลข่าว รู้ว่าเขาเป็นเจ้าแม่อาชญากรรมจีนในไทย มีพฤติกรรมผิดกฎหมายที่เป็นขั้นร้ายแรงจำนวนมาก จีจี้ทราบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่แจ้งเข้ามาหลังบ้านของสื่อเรา และคนที่ไว้วางใจที่จะแจ้งเบาะแสกับเราเพื่อขอให้เราแจ้งไปทางตำรวจต่อไป ไม่เคยติดต่อสัมผัสกับนางนวพรเลย ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการรับเงินจากนางนวพรยิ่งเป็นไปไม่ได้ และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเราให้ปรากฏต่อสาธารณชนต่อไป

ตลอด 30 ปีที่จีจี้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย และตลอด 11 ปีที่จีจี้มุ่งทำสื่อภาษาจีนเพื่อเผยแพร่สิ่งที่ดีที่สุดของไทยสู่ชาวจีนทั่วโลก ทุกครั้งที่ประเทศ ไทยเกิดวิกฤติ ทั้งจีจี้และสื่อภาษาจีนในเครือยืนอยู่เคียงข้างพี่น้องชาวไทยทุกเหตุการณ์ทุกเวลา เราเป็นแนวหน้าช่วยแก้ข่าวที่เป็นกระแสด้านลบของประเทศ ไทยให้ชาวจีนเปลี่ยนความคิดและได้เข้าใจมากขึ้น เราช่วยเป็นกาวใจของชาวไทยและชาวจีนให้มีความเข้าใจกันและมีมิตรภาพต่อกันมากขึ้น เราช่วยเขียนบทความถกเถียงกับสื่อภาษาจีนอื่นๆที่ใส่ความด้านลบของไทยแทนประเทศไทยทุกครั้ง เราใช้ทุกวิถีทางช่วยโปรโมตประเทศไทยเพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนกลับเข้าสู่ไทยได้มากขึ้น อะไรที่ดีต่อประเทศไทย เราจะวิ่งไปทำในเวลาแรกเลย

จีจี้เชื่อมั่นว่า การทำความดีย่อมได้ดี การที่เรารักและทุ่มเทให้กับประเทศไทย เปรียบเหมือนบ้านเกิดของจีจี้และครอบครัวจีจี้ คงได้ทำให้ทุกคนได้เห็นถึงความตั้งใจและผลงาน และขอขอบพระคุณทุกความห่วงใยและกำลังใจจากทุกท่าน จีจี้จะเข้มแข็ง และไม่หวาดกลัวที่จะทำตามความตั้งใจแรกของสื่อเราต่อไป “เราจะมุ่งมั่นเผยแพร่สิ่งที่ดีที่สุดของไทยให้กับชาวจีนทั่วโลก”