"นรุตม์ชัย" เดินหน้าฟังความเห็นร้านสักลาย ขอช่วยยกระดับมาตรฐาน หวังเรียกความเชื่อมั่นต่างชาติ ดึงเงินเข้าประเทศ ชี้ช่างสักไทยเก่ง คนรอคิวนับปี ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 66 นายนรุตม์ชัย บุนนาค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตยานนาวา บางคอแหลม กทม. พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เปิดเผยว่า จากการที่ตนออกมาผลักดันอุตสาหกรรมการสักสร้างรายได้เข้าประเทศนั้น ล่าสุด ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ประกอบการร้านสักลายหลายแห่งในเขตยานนาวาและบางคอแหลม เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนที่อยากให้ภาครัฐ ช่วยแก้ไขหรือส่งเสริม ซึ่งส่วนใหญ่เห็นด้วยที่มีคนเข้ามาช่วยเป็นกระบอกเสียง เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า ร้านสักลายบางแห่ง ยังไม่ได้มาตรฐาน ถึงแม้ภาครัฐจะให้มีการขอใบอนุญาตสำหรับการสักลายก็ตาม แต่ก็ยังพบว่าบางแห่งเปิดให้บริการแบบไม่มีมาตรฐาน อย่างช่างสักบางคนที่ไม่ได้ผ่านการอบรมฝึกฝน ก็อาจส่งผลเสียตามมาอีกจำนวนมาก เช่น ความปลอดภัย การสักไม่ตรงตามแบบ
"อย่างที่ผ่านมาเกิดข่าวใหญ่ว่า สักลายไม่เหมือนแบบที่ต้องการ จนเกิดการฟ้องร้อง หรือมีการแอบสักลายกันเองแบบไม่รู้หลักความปลอดภัยด้านสาธารณสุข ซึ่งอาจจะส่งผลเสียตามมาอีกมาก จึงอยากให้มีการสร้างมาตรฐานให้ผู้ประกอบการร้านสักลาย ต้องมีใบอนุญาตเท่านั้น เพื่อเป็นตัวช่วยกำหนดมาตรฐานให้ผู้ประกอบการร้านสัก เป็นที่ยอมรับในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าช่างสักบ้านเราเก่งๆหลายคน ที่สามารถสร้างผลงานระดับโลกได้ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องการเดินทางมาสักโดยเฉพาะ ซึ่งช่างสักบางคนต้องรอคิวนานนับปี ดังนั้น ถ้ามีการยกระดับให้มีมาตรฐาน ก็จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยวได้ โดยจะเห็นได้ว่าเราสามารถผลักดันอุตสาหกรรมการสักได้ เพื่อสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ และช่วยให้ช่างสักมีรายได้ที่สูงขึ้น" นายนรุตม์ชัย กล่าว
...
นายนรุตม์ชัย กล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็น ทำให้ตนรู้สึกแปลกใจ เพราะผู้ประกอบการร้านสักเล่าให้ฟังว่า ลูกค้าเกินครึ่งเป็นตำรวจและทหาร แต่จะมาสักลายหลังเข้ารับราชการแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ได้สะท้อนว่า การสักลายก็สามารถทำงานได้ปกติ ดังนั้นไม่ควรปิดกั้นด้วยกฎระเบียบ หรืออย่าประเมินค่าของคนอื่น จากการสักลายเท่านั้น เพราะไม่สามารถชี้วัดได้เลย โดยตนมองว่าการทำงานบางสถานการณ์ที่ต้องการภาพที่ดูเรียบร้อย ก็สามารถใส่เสื้อแขนยาวได้ ส่วนผู้ที่อาจจะยังไม่เข้าใจก็ขอย้ำว่า ที่ตนออกมาขับเคลื่อนเรื่องนี้ ก็เพราะมีผู้สักลายมาสะท้อนว่า ยังถูกปิดกั้นโอกาสเรื่องการทำงานอยู่ จึงอยากให้สังคมค่อยๆเปลี่ยนมุมมองกับคนที่ชื่นชอบการสักเพื่อความสวยงาม ซึ่งไม่ได้เรียกร้องให้ทุกคนต้องชอบการสัก แต่ขอโอกาสช่วยกันไม่ปิดกั้นคนที่สักลายเท่านั้น