ผมรับปากน้องๆที่นำจดหมายขอความร่วมมือให้ช่วยเขียนประชาสัมพันธ์การจัดงานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาประจำปีนี้มาตั้งแต่ปลายๆเดือนธันวาคมก่อนปีใหม่เห็นจะได้
พอเปิดซองดูเห็นว่าจะมีงานในวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 ก็บอกกับตัวเองว่ายังอีกตั้งเกือบ 2 เดือน เก็บไว้ก่อนก็ได้ เพราะเขียนล่วงหน้านานเกินไปเดี๋ยวคนจะลืม
ที่ไหนได้พอ “ซุก” เข้าไปไว้ในแฟ้มก็ลืมสนิทเลย เกือบจะไม่ได้เขียนแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่ได้อ่านเจอข่าว “ซุบซิบ” ในคอลัมน์คุณ “โสมชบา” ของไทยรัฐว่าจะมีงานคืนสู่เหย้าของ สมาคมศิษย์เก่าเตรียมอุดมศึกษา ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในวันพรุ่งนี้
โชคดีที่ยังเขียนทัน เพราะนับวันเวลาดูแล้วต้นฉบับจะลงตีพิมพ์ วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ ล่วงหน้าวันงาน 1 วัน...ศิษย์เก่าที่อยู่ใน กทม. ยังสามารถไปร่วมงานได้ทันท่วงที รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงในรัศมีที่จะขับรถยนต์มาแต่เช้าในวันพรุ่งนี้ได้...ก็ยังพอมาไหว
ใครรู้ตัวว่าเคยเป็น “ศิษย์เก่า” ของโรงเรียนนี้จะแวะไปรำลึกความหลังถึงบรรยากาศเก่าๆในอดีต ก็เชิญนะครับ
คุณ เกรียงยศ สุดลาภา นายกสมาคมนักเรียนเก่าเตรียมอุดมศึกษาในพระบรมราชูปถัมภ์ คนปัจจุบัน และคุณ ภีมพ์กมล ประเสริฐวงศ์ ประธานจัดงานแจ้งมาว่า เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลอง 85 ปี ของการก่อตั้งในปีนี้...คณะกรรมการมีมติให้ตั้งชื่องานว่า “ร้อยรวมใจคืนถิ่นปิ่นหทัย”
พร้อมกับกำหนดแนวคิดของงานไว้ 3 ประการหลัก ได้แก่ “สานสัมพันธ์-สานพลัง-สานสายใย” แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “Reconnect-Reenergize-Reunite” เพื่อให้งานปีนี้เป็นงานของพี่น้องเตรียมอุดมศึกษาทุกรุ่นได้กลับมาเยือนโรงเรียนอย่างมีความสุข และสานสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนพ้องน้องพี่ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
...
ชดเชยที่ต้องงดจัดงานคืนสู่เหย้า เป็นเวลาติดต่อกันถึง 2 ปีเต็มๆ อันเนื่องมาจากการระบาดของ “โควิด-19” นั่นแหละครับ
ความพิเศษสุดของปีนี้ก็คือจะเริ่มงานตั้งแต่เที่ยงวันหรือ 12.00 น. ของวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ ไปถึงยามค่ำคืน ว่าอย่างนั้นเถิด
จะเริ่มด้วยกิจกรรม “ต.อ.มาร์เก็ต” เปิดตลาดนัดขายของให้พี่น้องชาวเตรียมอุดมมา “ออกร้าน” กันอย่างเต็มที่ โดยคณะกรรมการจัดงานจะเปิดให้ตั้งบูธฟรี ไม่คิดค่าแป๊ะเจี๊ยะหรือค่าเช่าแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ส่วนลูกค้าหรือผู้ซื้อนั้นก็เปิดกว้างสำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจสามารถแวะเข้ามาเดินซื้อหาได้เลย โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นศิษย์เก่าหรือเด็กเตรียมฯ
ในภาคบ่ายจะมีพิธี “รับพี่กลับบ้าน” โดยจะมีนักเรียนหรือศิษย์ปัจจุบัน ซึ่งจะมาโชว์ความสามารถในกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการแสดงดนตรีโฟล์กซองและมินิคอนเสิร์ตสลับกันไป
ต่อมาในภาคเย็นจะเป็นคิวของศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงในแวดวงบันเทิง อาทิ ญาณี จงวิสุทธิ์, หมอก้อง สรวิชญ์ สุบุญ ฯลฯ ไปจนถึงมินิคอนเสิร์ตของ “ชมพู-ปิง ฟรุตตี้” มาให้ความสุขทางด้านเสียงเพลงและการแสดงสิ่งละอันพันละน้อย
ส่วนในภาคค่ำก็จะมีการบรรเลงเพลงต่อเพื่อแกล้มอาหารอร่อยๆ ซึ่งในปีนี้ขอค่าบัตรใบละ 585 บาท แต่ถ้าซื้อเป็นกลุ่มโต๊ะละ 10 ที่ จะเหลือ 5,550 บาท เฉลี่ยใบละ 555 บาท ถูกไปถึง 30 บาทเลยทีเดียว
น้องๆฝากบอกด้วยว่า ราคาที่แจ้งมานี้จะหักค่าใช้จ่ายแล้วนำส่วนที่เหลือไปร่วมบำรุงกิจกรรมการศึกษาของโรงเรียนด้วย ดังนั้น จึงเท่ากับว่าไปงานสู่เหย้าครั้งนี้ นอกจากไปร่วมรำลึกความหลังแล้วยังเป็นการร่วมแสดงความกตัญญูต่อสถาบันเก่าของพวกเราไปด้วยพร้อมๆกัน
ก็ขอเชิญศิษย์เก่าทุกรุ่นแวะไปร่วมงานตามที่แจ้งมาทั้งหมดข้างต้นด้วยนะครับ จะเลือกไปช่วงไหนก็แล้วแต่สะดวก แต่ที่ถือเป็น “จุดเด่น” ก็คือ “ภาคค่ำ” ที่จะมีการรับประทานอาหารเย็นร่วมกันนั่นเอง
ในเอกสารข่าวที่แนบมากับจดหมาย ระบุถึงศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันมาหลายท่าน โดยเฉพาะท่านแรกเลย ได้แก่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ “บิ๊กป้อม” (ตอ.25) หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวของพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นข่าวขึ้นหน้า 1 ทุกวัน ณ นาทีนี้
ถ้ามีเวลาว่างแวะไปงานนี้หน่อยนะครับ “บิ๊กป้อม” รับรองไม่เป็น “บิ๊กปาด” หรือ “ปาดหน้า” ใครๆแน่นอน เพราะใครคนนั้น มิใช่ศิษย์เก่า ตอ...ท่านคงไม่ไปงานนี้ให้ “ปาด” แน่ๆครับ รับประกันได้.
“ซูม”