เผยรายละเอียดคดี อดีตรองนายก ย. แจ้งความ นางสาว ธ. กับสามีพ่อ แม่ ร่วมกันฉ้อโกง หลอกลวงเอาทรัพย์สิน สินสอด รวมกว่า 10 ล้านบาท ช่วงปี 2564-2565 ทั้งที่มีสามี และจดทะเบียนสมรสแล้ว ล่าสุดพนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาที่ 1-3 ส่งพนักงานอัยการพร้อมความเห็นควรฟ้อง และขอผัดฟ้องกับศาลอาญาตลิ่งชัน ขณะที่ผู้ต้องหาที่ 4 "พ่อ" หลบหนี ถูกออกหมายจับแล้ว
กรณี “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาเปิดประเด็นสร้างความฮือฮาในสังคม กรณีรับมอบอำนาจจากสามีชื่อย่อ ก. เป็นโจทก์ฟ้องแพ่งเรียกค่าตอบแทนจากอดีตรองนายกรัฐมนตรีชื่อย่อ ย. เป็นจำเลยต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางตั้งแต่เดือน ธ.ค. 65 กรณีเป็นชู้กับภรรยาของตน อ้างว่ามีหลักฐานทั้งข้อความพูดคุยโต้ตอบ ใช้คำว่า “จ๊ะผัว-จ๊ะเมีย” และภาพถ่ายวาบหวิวระหว่างอยู่ด้วยกันเป็นหลักฐาน หลังกลายเป็นข่าวฉาวเป็นที่สนใจของสังคม คาดเดาว่าเป็นใคร ต่อมานายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีต รมว.มหาดไทย และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้ว ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ไม่ใช่บุคคลที่ถูกทนายตั้มระบุอย่างแน่นอนตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. แจ้งความร้องทุกข์ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง เรียกสินสอดและทรัพย์ที่ไปสู่ขอ น.ส.ธ.กับบิดาและมารดามาเป็นภรรยาคืน โดยพ.ต.ท.วันชัย พันธพัฒน์ สว. (สอบสวน) สน.บางยี่ขัน นัดหมายให้ น.ส. ธ. นาย ก. ผู้เป็นสามี นาง ข. มารดาของ น.ส. ธ. และนาย พ. บิดาของ น.ส. ธ. นำตัวผู้ถูกกล่าวหาและสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการอาญาตลิ่งชัน 2 หลังมีคำสั่งฟ้องแต่ปรากฏว่า นาย พ.ไม่ให้ความร่วมมือการสอบสวนก่อนหน้าและไม่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จึงขออนุมัติศาลอาญาตลิ่งชันออกหมายจับ และศาลอนุมัติหมายจับแล้ว จึงส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหา 1-3 ให้พนักงานอัยการอาญาตลิ่งชัน เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา
...
หลังจากนั้น พ.ต.ท.วันชัย พันธพัฒน์ สว. (สอบสวน) สน.บางยี่ขัน ทำหนังสือแจ้งความคืบหน้าการสอบสวน (สรุปสำนวนส่งอัยการ) ที่ ตช 0015. (บก.น.7) 4 (ว.พ.) ลงวันที่ 10 ม.ค. “เรียน นาย ย.ผู้เสียหาย ตามที่ท่านแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีกับ น.ส. ธ.ผู้ต้องหาที่ 1 นาย ก. ผู้ต้องหาที่ 2 นาง ข. ผู้ต้องหาที่ 3 และนาย พ. ผู้ต้องหาที่ 4 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้วตามคดีอาญาที่ 546/2565 และพนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนแล้วนั้น
“ขอแจ้งความคืบหน้าผลการดำเนินการของพนักงานสอบสวนให้ทราบดังนี้ 1. ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนสั่งฟ้อง น.ส. ธ. ผู้ต้องหาที่ 1 นาย ก. ผู้ต้องหาที่ 2 นาง ข. ผู้ต้องหาที่ 3 และนาย พ. ผู้ต้องหาที่ 4 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และในส่วนผู้ต้องหาที่ 4 พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลอาญาตลิ่งชันออกหมายจับและศาลอนุมัติหมายจับแล้ว ตามหมายจับที่ จ.4/2566 ลงวันที่ 5 ม.ค. 2566 และส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหา 1-3 ให้พนักงานอัยการอาญาตลิ่งชัน 2 แล้ว ในวันที่ 10 ม.ค. 2566 และขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาคดีในชั้นอัยการในชั้นศาล
2. สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไป 2.1 เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามจับกุมตัวนาย พ. ผู้ต้องหาที่ 4 ตามหมายจับเพื่อดำเนินการตามกฎหมายภายในอายุความ 2.2 ติดตามการพิจารณาคดีในชั้นอัยการในชั้นศาลต่อไป 3. ข้อเสนอแนะ (ถ้ามี) ขอให้ติดตามสอบถามผลพิจารณาคดีในชั้นอัยการในชั้นศาลกับพนักงานสอบสวนต่อไป หมายเหตุ หากท่านประสงค์จะแจ้งข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนเพิ่มเติม หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลการดำเนินการตามที่แจ้งข้างต้น สามารถติดต่อได้ที่ พ.ต.ท.วันชัย พันธพัฒน์ สว. (สอบสวน) สน.บางยี่ขัน”
สำหรับรายละเอียดคดีอาญาในชั้นศาลอาญาตลิ่งชัน มีรายงานว่า เช้าวันที่ 10 ม.ค. พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน นำคำร้องขอผัดฟ้องคดีที่กล่าวหา นาง ธ. นายจ. กับนาย ก.และนาง ข. (มารดาและบิดาของนาง ธ.) เป็นผู้ต้องหาที่ 1-4 ตามลำดับ ฐานร่วมกันฉ้อโกงตามป.อาญามาตรา 341 ประกอบ 83 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี โดยคำร้องผัดฟ้อง ขอผัดฟ้องเฉพาะผู้ต้องหาที่ 1-3 เท่านั้น เพราะผู้ต้องหาที่ 4 ยังหลบหนี และไม่ได้นำตัวผู้ต้องหามา เพราะปล่อยตัวในชั้นสอบสวน และส่งสำนวนพร้อมความเห็นควรฟ้องตามป.วิอาญามาตรา 140, 141 แก่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาตลิ่งชันแล้ว โดยอัยการนัดมาฟังคำสั่งกลางเดือนก.พ.นี้
คำร้องผัดฟ้องใจความว่า ระหว่างปี 64-65 นาย ย. ผู้กล่าวหาได้คบหากัน กับนางธ.โดยไม่ทราบว่านางธ.มีสามีและจดทะเบียนแล้ว จากนั้นได้มอบทรัพย์สินให้จำนวนมาก (ประมาณ 10 ล้านบาท) โดยมีผู้ต้องหาที่ 3-4 ร่วมหลอกลวง เมื่อได้ทรัพย์สินแล้วก็หลบหน้าไปไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมาจึงทราบว่า ผู้ต้องหาที่ 1 กับ 2 จดทะเบียนสมรสกันแล้ว และยังอยู่กินกัน อีกทั้งได้มอบทรัพย์สินทั้งหมดแก่นาย จ. เมื่อผู้กล่าวหาไปร้องทุกข์แล้ว พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้ต้องหามา มีผู้ต้องหาที่ 4 ไม่มา จึงขอศาลออกหมายจับแล้ว ขอให้ผัดฟ้องมีกำหนด 6 วัน ตั้งแต่ 10 ถึง 15 ม.ค.นี้ (ผัดได้ 5 ครั้ง ครั้งละหกวัน) ศาลรับคำขอผัดฟ้องไว้ต่อไป