หลัง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังบุกเข้าตรวจค้นอาคารจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา พบว่า เป็นสถานบริการของกลุ่มชาวจีน เปิดขายยาเสพติดทุกประเภท จับกุมผู้เสพ 104 ราย ยาเสพติดและยึดรถยนต์หรู 35 คัน

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉเปิดโปง “กลุ่มทุนจีนสีเทา” เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในเมืองไทยร่ำรวยมหาศาล 5 กลุ่ม พร้อมหอบหลักฐานมอบให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. เป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจพฤติกรรมของกลุ่มทุนจีนที่เป็นข่าว

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มอบหมาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สืบสวนขยายผลดำเนินคดีเครือข่ายนายทุนจีนรายใหญ่ และนอมินีที่มีส่วนพัวพันยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมาย

เป็นคดีใหญ่ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จากที่เคยเปิดโปงขบวนการ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” จับกุมกลุ่มนายทุนจีนที่เอารัดเอาเปรียบผู้ประกอบการท่องเที่ยวคนไทย หลังถูกจับยึดทรัพย์สินกลุ่มนายทุนเหล่านี้ผันตัวเองเป็นเจ้าของสถานบริการคาราโอเกะไว้รองรับกลุ่มเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และพ่อค้ายาเสพติด เป็นเสมือนอาณาจักรลับๆของกลุ่มคนจีน มีบ่อนพนัน ยาเสพติด และผู้หญิง เปิดเสรีไม่คิดเกรงกลัวกฎหมายไทย

...

ใช้อำนาจเงินเปิดทางผู้มีอิทธิพล นักการเมือง ข้าราชการ เปิดการค้ายาเสพติดเสรี ฟอกตัวเอง ด้วยการสวมบัตรประชาชนไทย ซื้อกิจการร้านอาหาร โรงแรม ธุรกิจ บ้านหรูหรา อาศัยชื่อคนไทยเป็น “นอมินี” อยู่เบื้องหน้า แต่หลังฉากกลุ่มทุนจีน
ประกอบธุรกิจสีเทาผิดกฎหมายหลากหลายรูปแบบ

ใช้เมืองไทยเป็นฐานประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย คอลเซ็นเตอร์ เว็บไซต์พนันออนไลน์

ด้วยผลประโยชน์ทำให้มีข้าราชการและนักการเมืองเข้ามาพัวพันอยู่เบื้องหลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งดำเนินคดี รอง ผบก.น.6 นายตำรวจ สน.ยานนาวา 2 นาย สน.ลาดพร้าว 1 นาย ที่ปล่อยรถยนต์หรูของกลางคดีคาราโอกะจินหลิงโดยมิชอบ และมีข่าวการเรียกรับผลประโยชน์ ทั้งที่เป็นของกลางในคดียาเสพติด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขยายผลคดี คาราโอเกะจินหลิง จับผู้ต้องหา 4 ราย ยาเสพติดเฮโรอีน ยาอี และแฮปปี้วอเตอร์ ขอหมายเข้าค้นจุดต้องสงสัย 38 จุด ยึดรถยนต์หรู 5 คัน เงินสด 19 ล้านบาท ขออนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 2 ราย เชื่อมโยงสถานบริการ 4 แห่ง คลับวันพัทยา พื้นที่ สภ.เมืองพัทยา พบยาเสพติด ผับท็อปวัน พื้นที่ สน.สุทธิสาร มีกลุ่มคนจีนเป็นเจ้าของใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี มีคดีหญิงนักท่องเที่ยวจีนเสพยาเกินขนาดและเสียชีวิต มีการลักทรัพย์ของผู้เสียชีวิตเผาทำลายหลักฐาน จับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง 8 ราย ดำเนินคดีหลายข้อหา

ร้านเบบี้เฟซ พื้นที่ สน.คลองตัน คนไทยเป็นนอมินีเป็นแม่ยาย นายเดวิด นายทุนจีน ค้นบ้านพบรถยนต์หรู 3 คัน สุรานอก 28 ลัง เงินสด 19 ล้านบาท ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 4 ราย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จับมือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.เชื่อมโยงเครือข่ายนายทุนจีนสีเทา 5 กลุ่ม กลุ่มนายตู้ห่าว หรือนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ กลุ่มนายเดวิด กลุ่มนายหยู่ฉางเฟ่ย กลุ่มนายโทนี่ และกลุ่มนายหมิง ทั้ง 5 กลุ่มเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน แต่แยกย้ายกันประกอบธุรกิจผับคาราโอเกะพื้นที่ต่างๆ

คดีนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่งตั้งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนไว้รองรับเพื่อทำให้รอบคอบ เนื่องจากการเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกลุ่มนายทุนจีนที่พัวพันธุรกิจผิดกฎหมายในเมืองไทยเป็นจำนวนมาก ก่อนเปิดปฏิบัติการค้น 20 จังหวัด 75 จุด จับกุมผู้ต้องหา 3 เครือข่าย 93 ราย กลุ่ม นายตู้ห่าว นายเดวิด นายหยู่ฉางเฟ่ย และ กลุ่มนายโทนี่ ส่วน กลุ่มนายหมิงหลบหนีออกนอกประเทศ ประสานหมายจับของตำรวจสากล

เป้าหมายสำคัญอยู่ที่ตู้ห่าว ที่มีหลักฐานเป็นเจ้าของจินหลิง เข้า-ออกเป็นประจำ และเส้นทางการเงินเชื่อมโยง ถูกออกหมายจับหนักค้ายาเสพติด นายตู้ห่าวมอบตัวให้การปฏิเสธ ตำรวจยื่นฝากขังศาลไม่ให้ประกันตัว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยึดทรัพย์สิน เงินสด เครื่องบินส่วนตัว กว่า 5,000 ล้านบาท

...

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กำชับให้ตำรวจได้ทำคดีตรงไปตรงมาเพราะเกี่ยวข้องหลายฝ่าย หากไม่รอบคอบจะทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสีย ยืนยันว่าทำงานในรูปแบบคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีตามหลักฐานที่ปรากฏ และไม่ได้มีใครขอให้ดูแลเป็นพิเศษ การทำงานแบบนี้เรากำลังสู้อยู่กับคนรวย สู้อยู่กับกลุ่มทุนที่มีทุนมหาศาล การจะเอาคนเหล่านี้ให้อยู่หมัดต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้รอบคอบชัดเจน รัดกุม และต้องรวดเร็ว ทุกคดีของกลุ่มทุนจีนที่ทำมีพฤติการณ์ใกล้เคียงกันทั้งหมดเป็นสถานบันเทิง หรือธุรกิจที่มีกลุ่มทุนจีนเป็นเจ้าของใช้คนไทยมาเป็นนอมินีบังหน้า และเชื่อมโยงกับการทำผิดประเภทอื่นๆ เช่น ยาเสพติด บ่อนการพนัน หรือคอลเซ็นเตอร์ อยู่ระหว่างขยายผลดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่รัฐที่รู้เห็นเป็นใจ เพื่อทลายเครือข่ายนายทุนจีนทำผิดกฎหมายให้ออกไปจากประเทศไทย”

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า “สิ่งที่เราทำวันนี้เราทำเพื่อเซ็ตซีโร่จริงๆ เพราะ “ธุรกิจสีเทา” เหมือนภูเขาน้ำแข็ง มองยอดเขาแต่ใต้น้ำไปพัวพันหลายอย่าง พอเราขุดจะเห็นว่าอาชญากรรมทิ้งร่องรอยไว้ทั้งหมด จะทำตามพยานหลักฐานไม่ทำตามกระแสโซเชียล ถึงใครก็ว่าไปตามนั้นไม่ถึงคืนความยุติธรรมให้กับเขา นี่คือสิ่งที่ ผบ.ตร.และทีมงานทุกคนเน้น ถ้าเชื่อมโยงถึงใครต้องรับสภาพทั้งนอมินี ขอเตือนคนที่คิดจะเป็นนอมินีถือทรัพย์สินแทนคนอื่นมีโทษจำคุก ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้ทำงานล่าช้าทุกอย่างมีขั้นตอน การขอหมายศาลถ้าพยานหลักฐานไม่ชัด ศาลไม่ให้ ต้องสืบมาก่อนชี้แจงต่อศาลจนมีเหตุให้ควรสงสัย ศาลถึงให้หมายมาใช่ว่าขอวันนี้จะได้เลย ยืนยันว่า เราทำต่อเนื่องไม่ได้หยุด”

...

อีกหนึ่งคดีสำคัญของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่เคยเปิดโปงผลประโยชน์มหาศาลกลุ่มนายทุนจีนที่อยู่เบื้องหลัง “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ซึ่งถูกแรงกดดันของกลุ่มผู้ที่ได้รับผลประโยชน์พร้อมเล่นงานเจ้าหน้าที่ที่จับกลุ่มทุนจีน

เป็น “บทเรียน” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ทำคดีอย่างรอบคอบ ตรงไปตรงมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จับมือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ขยายผลกลุ่มทุนจีนผิดกฎหมาย เน้นดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่ใช่แค่ฟังข่าวปล่อยหวังผลเล่นงานฝ่ายตรงข้าม หรือป้ายสีผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง ปิดช่องโหว่ไม่ให้กลุ่มทุนจีนใช้อิทธิพล และกฎหมายเล่นงานเจ้าหน้าที่

ยึดพยานหลักฐานล้างบางอิทธิพล “ทุนจีนสีเทา” ให้สิ้นซากทุกกลุ่ม.

ทีมข่าวอาชญากรรม