“สุรเชษฐ์ หักพาล” รอง ผบ.ตร. เผยการดำเนินคดีกับกลุ่มธุรกิจจีนสีเทาไม่เป็นมวยล้มแน่นอน กลุ่มเป้าหมายแตกกระเจิงหลบหนีออกนอกประเทศจำนวนมาก การสืบสวนมีความคืบหน้าไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ยึดทรัพย์ “ตู้ห่าว” ไปแล้วกว่า 5 พันล้านบาท พร้อมจับเครือข่าย 102 คน ยังไม่พบความเชื่อมโยงนักการเมืองไทย จ่อดำเนินคดีหนักกับผู้เกี่ยวข้องเอื้อโอกาสให้กลุ่มนี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 1 ธ.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกลุ่มทุนธุรกิจจีนสีเทา ว่ารายงานเรื่องนี้ให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. แล้วก่อนจะเป็นผู้รายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ ซึ่งเรื่องนี้นายกฯได้กำชับในที่ประชุม ก.ตร.ให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันทำงานโดยยึดหลักกฎหมายสาวถึงใครก็ว่าไปตามนั้น ถ้าไม่ถึงก็ต้องให้ความเป็นธรรม ตามการ ดำเนินคดีนี้ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ เพราะใช้กำลังเยอะมากและต้องใช้เวลามากเช่นกัน อย่างกรณีวันที่ 30 พ.ย. ใช้เวลาทั้งวัน ค้น 3-4 จุด ยึดทรัพย์ 4,000 กว่าล้านบาท ประกอบด้วยบ้าน รถ เครื่องบิน ต้องนำ ทรัพย์ที่ยึดมาได้มาโยงเส้นทางการเงินและยังต้องไล่ต่อว่ายังมีเงินสดอีกหรือไม่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กลุ่มธุรกิจจีน สีเทาหลบหนีออกนอกประเทศไปเยอะแล้ว กลุ่มเหล่านี้ หลบหนีจากประเทศจีนมาอยู่ประเทศกัมพูชา เมื่อถูกกวาดล้างหนักหนีมาอยู่ประเทศไทย และ สปป.ลาว เมื่อวันที่ 30 พ.ย. หารือกับ ผบ.ตร.สปป.ลาว เมื่อเราจับมือกันแบบนี้คนสองสัญชาติต้องไม่มีแผ่นดินอยู่ต้องหลบหนีไปอยู่ที่อื่น หลังจากนี้เราต้อง เข้มงวดตั้งแต่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และการให้วีซ่า อย่างกรณีการจับกุมนายโทนี่ หรือ เฉิน จ้าวฮุ้ย ที่ถือวีซ่าธุรกิจ ต้องตรวจสอบว่าออกมา ได้อย่างไร ถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกก็ต้องเพิกถอน หากใครเกี่ยวข้องกับการให้วีซ่าที่ไม่ถูกกฎหมายต้องถูกดำเนินคดีหมด รวมทั้งวีซ่านักเรียนที่ให้กับคน อายุ 57 ปี แบบนี้ออกมาได้อย่างไร ผู้ออกวีซ่าให้ต้องถูกดำเนินคดีแน่ เพราะบุคคลเหล่านี้ไม่ได้เข้ามา เพื่อลงทุนแต่เข้ามาเพื่อก่ออาชญากรรม

...

“จนถึงขณะนี้ยังไม่พบการเชื่อมโยงกับนักการเมืองไทย ผมรวบรวมพยานหลักฐานและมาวิเคราะห์ ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) หากถึงใครก็ว่าไปตามนั้น ปัจจุบันการสืบสวนคืบหน้าไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว ต้องทำอย่างรอบคอบ เพราะบุคคลนี้มีทนายความ มีนักกฎหมายที่เก่ง มีเงินเยอะ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะกลัว ตำรวจต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม ไม่มีมวยล้ม แน่นอน เรื่องนี้ผมทำอย่างสบายใจมาก เพราะทำอย่าง ตรงไปตรงมา แต่อาจจะเหนื่อยเพราะเอกสารเยอะต้องกรองให้ดี จะออกหมายจับหมายค้นก็ต้องอธิบายศาลรับฟัง เมื่อไม่มีผลประโยชน์มันตัดใจง่าย ผมยืนยัน เรื่องนี้ไม่มีมวยล้มแน่นอน” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

มีรายงานว่า การเดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาลของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ครั้งนี้ เจ้าตัวไม่ได้เข้าพบ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่มาประสานในระดับเจ้าหน้าที่เรื่องปราบปรามการค้ามนุษย์ เพราะ สหรัฐอเมริกาชมเชยประเทศไทยได้รับการจัดลำดับตามรายงานสถานการณ์การต่อต้านการค้ามนุษย์ อยู่ในสถานะเทียร์ 2 โดยเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯมาเยือนประเทศ ไทยและเยือนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความพอใจการปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะเดินทางไป จ.เชียงใหม่ เพื่อไป ติดตามปัญหาการค้ามนุษย์

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เวลา 12.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รับมอบเอกสาร สำคัญเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของนายตู้ห่าว-ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ จากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก่อนเปิดเผย กับผู้สื่อข่าวว่า การตรวจค้นเครื่องบินของนายตู้ห่าว เมื่อวันที่ 30 พ.ย. พบพยานหลักฐานจำนวนหนึ่ง เตรียมส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยันผลเพื่อเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดีให้ศาลพิจารณา ที่ผ่านมา ชุดสืบสวนสามารถยึดทรัพย์สินของนายตู้ห่าว-ชัยณัฐร์ ได้กว่า 5,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งไม่รวมเครือข่ายอื่นๆอีก ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนเครือข่ายได้แล้ว 102 คน รวมถึงผู้ต้องหารายใหญ่ 5 คน มีผู้ต้องหาบางรายหลบหนีไปต่างประเทศ ตำรวจออกหมายจับสากลแล้ว หลังจากดำเนินการเรื่องตู้ห่าวเรียบร้อยแล้วจะดำเนินการเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ตม. ตำรวจ สน.ลาดพร้าว, สน. ยานนาวา เพราะเปิดช่องทางให้คนจีนเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย