"สมศักดิ์" ชง อย.คิดสูตรคำนวณ "สารไมทราไจนีน" ในผลิตภัณฑ์กระท่อมใหม่ หลังเจอช่องว่างดันจาก 0.2 เป็น 1 มิลลิกรัมสู้ตลาดโลกได้ สั่ง ป.ป.ส.ตั้งกรรมการหางบศึกษา เร่งให้ชาวบ้านมีรายได้ เผย กมธ.3 คณะ เร่งรัดพัฒนาพืชกระท่อมตามกฎหมาย ขณะผู้ประกอบการตั้งคำถาม "กินใบสด" อย.ไม่ห่วงปลอดภัยใช่หรือไม่

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 65 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์จากพืชกระท่อมว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการประสานงานเร่งรัด ส่งเสริมและสนับสนุนการขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา อาหาร และเครื่องสำอางที่ผลิตจากพืชกระท่อม โดยมี นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการป.ป.ส. เภสัชกร วราวุธ เสริมสินสิริ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ผู้ประกอบการพืชกระท่อม เช่น นายจุลาส หรือ ทอม เครือโสภณ, บริษัท เกษตรศิวิไลซ์ จำกัด, บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด, วิสาหกิจชุมชน เฮิร์บเวลเนส เข้าร่วมประชุม ที่กระทรวงยุติธรรม

...

โดย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตัวแทนผู้ประกอบการต้องการทราบมาตรฐานกลาง ในการกำหนดสารไมทราไจนีนในผลิตภัณฑ์จากพืชกระท่อม เพราะขณะนี้กำหนดไว้เพียง 0.2 มิลลิกรัมต่อหน่วยเท่านั้น แต่ใบกระท่อม 1 ใบ มีสารไมทราไจนีน ประมาณ 1.2-1.6 มิลลิกรัม ทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้าลงทุน เพราะจะไม่สามารถออกผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วเห็นผลได้ ผู้ประกอบการจึงอยากเข้ามาช่วย อย.ในการรวบรวมข้อมูล เพื่อกำหนดมาตรฐานกลางให้สูงขึ้นและยังอยู่ในระดับความปลอดภัย

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องการกำหนดมาตรฐานกลางนั้น ตนก็ได้นำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบข้อสังเกตของ กมธ.ทั้ง 3 คณะ ทั้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และ กมธ.ร่วมกัน ที่เห็นสมควรส่งเสริมให้มีการพัฒนาพืชกระท่อม ให้เป็นพืชที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.พืชกระท่อม ด้วยการทำเป็นผลิตภัณฑ์จากพืชกระท่อม โดยให้ปรับสัดส่วนมาตรฐานสารสกัดให้มีความเหมาะสม เพื่อเป็นการสนับสนุนเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ซึ่งเรื่องนี้ ตนก็ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้ว  โดยก็จะมีการบูรณาการร่วมกันต่อไป

ด้าน เภสัชกร วราวุธ กล่าวอธิบายว่า ตัวเลข 0.2 มิลลิกรัม มาจากการทดลองในสัตว์ ให้ใช้สารสกัดจากใบกระท่อมในแต่ละปริมาณ ซึ่งพบว่าผลทดลอง 5 มิลลิกรัม ไม่ได้ส่งผลอะไร ทำให้มีความปลอดภัย ดังนั้นก็นำผลนี้มาคำนวณตามสูตรที่จะได้ปริมาณไมทราไจนีน เท่ากับ 0.36 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน แล้วนำมาคำนวณหาร 100 และคูณด้วยค่าเฉลี่ยน้ำหนัก 57.57 จะได้สารไมทราไจนีน 0.2 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งผลนี้เป็นการทดลองปริมาณน้อยที่สุด ที่สัตว์ไม่เป็นอะไร ส่วนการทดลองปริมาณที่สูงขึ้น คือ 50 มิลลิกรัม พบว่าสัตว์ครึ่งนึงพบการเปลี่ยนแปลงในตับอย่างมีนัยสำคัญ จึงทำให้ในช่วงแรกมีการกำหนดสารไมทราไจนีน ไว้ที่ 0.2 มิลลิกรัมก่อน และหากมีข้อมูลเพิ่มขึ้น ก็จะสามารถเพิ่มสารได้ทันที โดยยืนยันว่า อย.ไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ที่จะทำให้เศรษฐกิจไม่เจริญ แต่ศัตรูของเราตอนนี้ คือ มีข้อมูลไม่เพียงพอ จึงต้องเร่งทำข้อมูลขึ้นมาก่อน

ขณะที่ นายจุลาส หรือ ทอม เครือโสภณ กล่าวว่า ขณะนี้พืชกระท่อมถูกกฎหมาย จึงไม่จำเป็นต้องขออนุญาต อย.ถ้าจะใช้ใบสด แต่ถ้าจะทำเป็นผลิตภัณฑ์ต้องขออนุญาตก่อน เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค แต่เรื่องนี้กลายเป็นขัดแย้งกันเอง เพราะใบกระท่อมมีสารไมทราไจนีน 1.2-1.6 มิลลิกรัม แต่ผลิตภัณฑ์กลับกำหนดแค่ 0.2 มิลลิกรัม ซึ่งจะเกิดข้อสงสัยว่ากินใบกระท่อมสดได้เลยไม่ห่วงปลอดภัย แต่ผลิตภัณฑ์ห่วงปลอดภัยใช่หรือไม่ ดังนั้น ขอเสนอให้ อย.ออกกำหนดใหม่ เพื่อให้ผู้ประกอบการเดินได้ เพราะกำหนดไว้ 0.2 มิลลิกรัมต่อหน่วยนั้น ธุรกิจจะไปไม่ได้เพราะไม่มีใครซื้อ จึงอยากขอให้ดึงเอกชนเข้ามาเป็นคณะทำงานแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วย เพื่อหามาตรฐานที่เหมาะสม

ส่วนผู้แทนผู้ประกอบการพืชกระท่อม เสนอว่า ถ้ายึดตามข้อกำหนด 0.2 มิลลิกรัมต่อหน่วย จะไม่สามารถช่วยเกษตรกรที่เพาะปลูกกระท่อมได้เลย เพราะจากการทดลองสกัดกระท่อม ใบสด 6 กิโลกรัม จะได้กระท่อมแห้ง 1 กิโลกรัม นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ได้ถึง 25,000 ขวด ซึ่งใช้ใบกระท่อม เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็สามารถทำผลิตภัณฑ์ได้จำนวนมากแล้ว ดังนั้น เกษตรกร จะอยู่ได้อย่างไร จึงอยากให้มองภาพอีกมุมด้วยในการกำหนดมาตรฐานกลาง เพราะถ้ากำหนดค่าสูงขึ้น ก็จะต้องใช้ใบกระท่อม มากขึ้นตามไปด้วย

...

โดย นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขอเสนอให้ อย.เริ่มคิดสูตรทดลองใหม่ ซึ่งให้ใช้ปริมาณน้อยกว่า 50 มิลลิกรัม ที่เริ่มพบปัญหาในตับ โดยให้ทดลองตั้งแต่ 40 มิลลิกรัมลงมาจนเหลือ 25 มิลลิกรัม ก็น่าจะไม่พบความผิดปกติแล้ว เพราะขนาดปริมาณ 50 มิลลิกรัม ยังพบผิดปกติเพียงข้อเดียว คือ การเปลี่ยนแปลงทางจุลพยาธิวิทยา ดังนั้น การทดลองปริมาณ 25 มิลลิกรัม ก็ไม่น่ามีปัญหา ซึ่งก็จะทำให้เมื่อคำนวณตามสูตรแล้ว สารไมทราไจนีน จะสามารถเพิ่มเป็น 1 มิลลิกรัมต่อหน่วยได้ ก็จะเพียงพอต่อการทำเป็นผลิตภัณฑ์แล้ว ซึ่งตนก็ได้ให้ ป.ป.ส.เป็นหน่วยงานหลักในการหางบประมาณ และดึงภาคเอกชนเข้าไปศึกษาสนับสนุนการทำทดลองการใช้สารสกัดใบกระท่อมกับสัตว์แล้ว โดยจะใช้เวลาเพียง 3-6 เดือนเท่านั้น เมื่อได้ผลทดลองทาง อย.ก็พร้อมพิจารณาปรับสารไมทราไจนีนขึ้นให้ทันที เพราะทุกคนเริ่มเห็นว่า สารไมทราไจนีน ไม่ควรต่ำกว่า 1 มิลลิกรัม ซึ่งก็จะเป็นการปลดล็อกให้ผู้ประกอบการ สามารถไปแข่งขันกับตลาดโลกได้.