กรุงเทพมหานคร จัดเสวนา ผนึกกำลัง วช. และภาคีเครือข่าย รับมือ PM 2.5 ด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ
วันที่ 4 พ.ย. 65 นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงานเสวนาวิชาการ "เตรียมพร้อม รับมือ PM 2.5 ด้วยวิจัยและนวัตกรรม" เพื่อร่วมแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งกรุงเทพมหานครร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อเสนอแนวทางป้องกันด้วยการนำงานวิจัยและนวัตกรรม ที่สนับสนุนการดําเนินการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2566 ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ "การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง" เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพื้นที่ (ช่วงวิกฤติ) และใช้สําหรับเป็นแผนเผชิญเหตุ
รวมถึงมาตรการตอบโต้สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 หากปริมาณเพิ่มสูงขึ้นในทุกพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ด้วยการระดมความคิดเห็นทางวิชาการเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เหมาะสมกับบริบทของกรุงเทพมหานครครอบคลุมในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งกําเนิด การกําจัดการป้องกัน และลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

...
ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โชคดีที่ปัญหา PM 2.5 ไม่เกิดขึ้น แต่ปีนี้คาดว่าปัญหานี้อาจจะกลับมาอีก กรุงเทพมหานครตั้งใจที่จะแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างจริงจัง จนปัจจุบันสามารถทำให้พื้นที่การเผาเหลือเพียง 5,000 ไร่ จาก 100,000 ไร่ ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตั้งเป้าในปีนี้ให้การเผาเป็นศูนย์ให้ได้ โดยได้ร่วมหารือกับจังหวัดปริมณฑล ได้แก่ นนทบุรี และปทุมธานี ปัจจุบันกรุงเทพมหานครได้ตั้งศูนย์สู้ฝุ่น โดยเฉพาะอยู่ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
ด้าน นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า 1 ในนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คือ นักสืบฝุ่น ที่ต้องการจะรู้ว่าฝุ่น PM 2.5 ของกรุงเทพมหานครมาจากไหนบ้าง และการมาร่วมเสวนาในวันนี้ เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาแผนของกรุงเทพมหานครต่อไป

โดยกรุงเทพมหานครจะใช้ค่ามาตรฐานฝุ่นใหม่ 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากเดิม 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์ เป็นมาตรการที่ทำทั้งปี แผนรับมือกับฝุ่น PM 2.5 แบ่งเป็น 3 ประเด็นหลัก คือ การเฝ้าระวังติดตาม (Monitor) การลด หรือกำจัดตั้งแต่ต้นตอ (Reduce) เช่น แหล่งที่มาจากโรงงาน การจราจร ควันดำ การเผาในที่โล่ง และการป้องกันสุขภาพ (Protect)
เรื่องแรกคือ การเฝ้าระวังติดตาม ที่มาของนักสืบฝุ่น เพิ่มความรู้ครบถ้วนมากที่สุด การแจ้งเตือนผ่าน Traffy Fondue หากประชาชนเห็นรถยนต์ควันดำ สามารถส่งผ่านแอปพลิเคชันนี้ได้ เพิ่ม Sensor ตามสถานที่ต่างๆ เช่น ในโรงเรียน ซึ่งขณะนี้มีแล้ว 557 จุด และตั้งเป้าให้ได้ให้ครบ 1,000 จุด และกรุงเทพมหานครมีศูนย์เฝ้าระวังติดตาม หรือที่เรียกว่า War Room หรือศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศ ที่อาคาร 1 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง สามารถดูค่าฝุ่นผ่านแอปพลิเคชัน Air BKK ทิศทางลม การพยากรณ์คุณภาพอากาศ การเผาในที่โล่ง จาก Hot Spot แบบ Real Time เป็น Platform ที่สามารถดูได้ทั้ง กทม. และปริมณฑล ด้วยการสนับสนุนจาก GISDA และสามารถดูภาพผ่านกล้องของสำนักการจราจรและขนส่ง เป็นศูนย์รวมรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และประสานไปยังหน่วยงานอื่นได้ด้วย
ส่วนการลดหรือกำจัดตั้งแต่ต้นตอ แบ่งเป็น การตรวจสถานประกอบการตามแผน เดือนละ 2 ครั้ง ตามสถานประกอบการที่มีจำนวน 1,222 แห่ง และมีจำนวน 260 แห่ง ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะมีการใช้ Boiler ที่สร้างฝุ่น PM 2.5 ส่วนการควบคุมการเผาที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ตั้งเป้าให้เหลือศูนย์ให้ได้ ซึ่งจุดใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 9 จุด และได้ไปขอความร่วมมือและจะให้การสนับสนุนเชื้อเพลิงสำหรับรถที่นำน้ำไปใช้ในการหมักฟางข้าว การสนับสนุนจุลินทรีย์ย่อยสลาย หรือสนับสนุนการอัดฟางข้าว เป็นต้น
ในเรื่องของควันดำ กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการตรวจรถยนต์ควันดำ 14 จุด/วัน ตรวจรถบรรทุก/รถโดยสารประจำทาง 2 วัน/สัปดาห์ หากค่าฝุ่นใกล้สถานการณ์วิกฤติ (สีส้มหรือสีแดง) จะมีการตรวจถี่ขึ้น โดยจะดำเนินการตรวจรถยนต์ควันดำ 20 จุด/วัน ตรวจรถบรรทุก 4 วัน/สัปดาห์ การคืนผิวจราจร รณรงค์ให้เอกชน Work from Home การตรวจแพลนท์ปูนและไซต์ก่อสร้างที่เป็นต้นตอ จำนวน 91 แห่ง เพิ่มระบบ Feeder จากบ้านไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดได้ เริ่ม 2 เส้นทาง ได้แก่ จากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ไปยัง BTS สนามเป้า และจากเคหะร่มเกล้า ลาดกระบัง ไปยัง Airport Rail Link ลาดกระบัง เป็นจุดที่ประชากรมีจำนวนมาก
...

นอกจากนั้นยังให้ความรู้ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 437 แห่ง เช่น การปักธงเป็นสีตามค่าฝุ่นในวันนั้น สอนการให้อ่านค่าฝุ่น การปฏิบัติตัวอย่างไรหากค่าฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน และรวมไปถึงการเพิ่มห้องปลอดฝุ่นตามสถานที่ต่างๆ สำหรับศูนย์เด็กเล็กและผู้สูงอายุ การสอนทำ DIY เครื่องกรองฝุ่น เป็นต้น
สุดท้ายการป้องกันดูแลสุขภาพของประชาชน กรุงเทพมหานครได้ร่วมกับ Line จัดทำแอปพลิเคชัน Line Alert โดยนอกจากเป็นการแจ้งเตือนภัยพิบัติแล้ว ยังสามารถแจ้งเตือนเมื่อฝุ่นมีค่าสูงขึ้น การแจกหน้ากากอนามัย การตรวจสุขภาพในคลินิกโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งยังรวมไปถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียว การปลูกต้นไม้ล้านต้น ซึ่งสำนักสิ่งแวดล้อมได้จัดทำคู่มือปลูกต้นไม้ ซึ่งต้นไม้แต่ละชนิดสามารถกรองฝุ่นได้ด้วย.