นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธาน เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา สำนักสิ่งแวดล้อม กทม.ได้รวบรวมแผนปฏิบัติการจากหน่วยงานต่างๆ ตั้งแต่ก่อนเกิดมลภาวะ จนเข้าภาวะวิกฤติมีค่าฝุ่นเพิ่มขึ้น ซึ่ง กทม.ยังคงใช้ค่าเดิมคือ 50 ไมครอน แต่ในปี 2566 จะใช้เกณฑ์ 37.5 ไมครอน โดยช่วงภาวะปกติ กทม.จะดำเนินตามแผนที่มีอยู่ 16 กิจกรรม เช่น การล้างถนน ตรวจไซต์ก่อสร้าง ตรวจมลภาวะตามสถานที่ต่างๆ เมื่อเริ่มเข้าวิกฤติก็จะมีการปรับแผน
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ในการประชุมผู้ว่าฯ กทม.รวมถึงคณะกรรมการฯ ได้เสนอให้ปรับแผนเฉพาะในแต่ละพื้นที่ เช่น อาจต้องมีการปิดโรงเรียน หรือห้ามรถบรรทุก 10 ล้อวิ่งเข้าพื้นที่ ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะส่งแผนที่ปรับกรณีภาวะวิกฤติมาให้สำนักสิ่งแวดล้อมในวันที่ 20 ก.ย.นี้ และจะมีการประชุมคณะกรรมการฯอีกครั้งในสัปดาห์แรกของเดือน ต.ค.จากนั้นจึงเริ่มปฏิบัติตามแผนทันที
“สำหรับการวัดค่าฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ ปัจจุบัน กทม.มีเครื่องวัด 79 จุด และรถโมบาย 4 แห่ง มีการรายงานค่าฝุ่นเป็นรายเขต 50 เขต ทั้งนี้ ปัญหาหลักที่ทำให้เกิดมลภาวะในกรุงเทพฯ มี 2 เหตุ คือจากเครื่องยนต์ดีเซล และการเผา หากสามารถควบคุม 2 ส่วนนี้ได้ ปัญหาฝุ่นในกรุงเทพฯ จะลดน้อยลง” รองผู้ว่าฯ กทม.ระบุ.