“หมอนิธิพัฒน์” เผยผู้ป่วยโควิดที่ศิริราชรอรับตัวเข้ารักษา เกือบทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังรุนแรงส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีนโควิดหรือได้ไม่ครบ ขณะที่ “หมอธีระ” ชี้ปัญหา “ลองโควิด” เหมือนอาฟเตอร์ช็อกระลอกใหญ่ที่ต้องเตรียมรับมือเพราะมีผลกระทบมหาศาลต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต การทำงาน แถมยังเปลืองค่าใช้จ่ายกว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานถึง 26%

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊กความโดยสรุปว่า แม้ตัวเลขของประเทศจะดีขึ้น แต่ผู้ป่วยเข้าคิวรอรับตัวไว้ใน รพ.ศิริราช ของวันที่ 31 ส.ค.ยังทรงตัวเกือบทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังรุนแรง ส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีนโควิดหรือได้ไม่ครบ ส่วนหนึ่งในยุทธวิธีที่ทำให้รู้เท่าทันโรคได้ คือการใช้ชุดตรวจ ATK ให้ถูกต้อง ทั้งการเลือกชุดตรวจที่มีคุณภาพและตรวจให้ถูกวิธี แปลผลการตรวจถูกต้อง ทีมนักวิจัยจากสหรัฐอเมริกาทำการศึกษาเด็กนักเรียนอายุ 4-14 ปี จำนวน 196 คน ระหว่างเดือน ก.ค.-ส.ค. 2564 ช่วงเดลตาระบาด โดยให้เด็กที่เริ่มสงสัยติดเชื้อแยงจมูกตัวเองเพื่อตรวจ RT-PCR และเปรียบเทียบกับสิ่งส่งตรวจสิ่งหนึ่งที่แยงจมูกในเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ผลเด็กที่ตรวจวิธีใดวิธีหนึ่งมีผลเป็นบวก 91 คน โดยการแยงจมูกทั้งสองแบบให้ทั้งผลบวกและลบตรงกันถึง 97.8% นอกจากนั้น ยังให้เด็กนักเรียนกลุ่มเป้าหมายเข้าใจความสำคัญของการตรวจและวิธีการตรวจที่ถูกต้อง พร้อมมีวิดีโอคลิปแสดงวิธีการตรวจที่ถูกต้องให้ชมล่วงหน้าด้วย

ขณะที่ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กความสรุปว่า ทีมงานวิจัยจาก UCSF ประเทศสหรัฐอเมริกา ศึกษาในเรือนจำ 35 แห่งของรัฐแคลิฟอร์เนีย พบคนที่ติดเชื้อแต่มีประวัติได้รับวัคซีนครบช่วยลดโอกาสในการแพร่เชื้อได้ 24% ส่วนลองโควิดเป็นอาฟเตอร์ช็อกใหญ่ที่ต้องเตรียมรับมือ ความรู้ทางการแพทย์ปัจจุบันฟันธงชี้ชัดว่าปัญหาลองโควิดเกิดขึ้นจริง สร้างผลกระทบมหาศาลทั้งต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต การทำงาน ค่าใช้จ่าย กลไกการทำให้เกิดพยาธิสภาพในร่างกาย จนมีอาการผิดปกติ ในหลายอวัยวะ เกิดได้จากทั้งการที่ถูกทำลายโดยตรงจากไวรัส กระบวนการอักเสบเรื้อรัง การเสียสมดุลของเชื้อโรคในร่างกาย จนนำไปสู่การทำงานผิดปกติของอวัยวะ ฯลฯ โดยที่งานวิจัยในระยะหลัง ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างออกมาเรียกร้องให้แต่ละประเทศเตรียมรับมือกับลองโควิด โดยเปรียบเหมือนอาฟเตอร์ช็อกที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ล่าสุด ข้อมูลจาก Nomi Trends in Spend Tracker ที่ออกรายงานวิเคราะห์การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพจำนวนกว่า 20 ล้านครั้งในสหรัฐอเมริกา พบครึ่งปีแรกของปี 2022 ลองโควิดทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนสูงกว่าโรคเบาหวานถึง 26%

...

ด้าน ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 2,240 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 28 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยัน 4,650,919 ราย หายป่วยสะสม 4,602,862 ราย เสียชีวิตสะสม 32,303 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 607,175,775 ราย เสียชีวิตสะสม 6,491,960 ราย

วันเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐอเมริกาพบเคสเสียชีวิตรายแรกจากโรคฝีดาษลิง ในรัฐเท็กซัส โดยผู้ตายมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำอย่างรุนแรงขณะติดเชื้อ เบื้องต้นสำนักงานกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ ร่วมมือเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเร่งสืบสวนการเสียชีวิตดังกล่าว สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอีกว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่อนุมัติใช้ยาอีวูเชลด์ (Evusheld) ของบริษัทแอสตราเซเนกา สำหรับใช้ป้องกันและรักษาโรคโควิด-19 โดยยาอีวูเชลด์เหมาะสำหรับใช้เป็นวัคซีน สำหรับผู้มีภาวะคุ้มกันบกพร่องปานกลางถึงรุนแรงและผู้ที่ถูกห้ามฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิดอื่น เป็นยาแอนติบอดีที่ออกฤทธิ์ยาว 6 เดือน ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนที่สหรัฐฯและทวีปยุโรป ญี่ปุ่นจะใช้ในการรักษาภาวะฉุกเฉินในผู้ป่วยโควิด-19 อายุ 12 ปีขึ้นไป และมีน้ำหนักอย่างน้อย 40 กิโลกรัม

สำนักข่าวเซาท์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือติดเชื้อโควิด-19 ท่ามกลางกระแสข่าวลือก่อนหน้านี้ว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ โดยนางคิม โย จอง ผู้เป็นน้องสาวเป็นผู้เปิดเผยข่าวดังกล่าว พร้อมระบุว่า นายคิม จอง อึน มีไข้สูง และป่วยหนัก แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่องเพื่อประชาชน ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์แห่งชาติเกาหลีเหนือเคยรายงานว่า นายคิม จองอึน เคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา แต่ไม่มีรายงานว่าผู้นำเกาหลีเหนือติดเชื้อ จนกระทั่งนางคิม โย จอง ออกมายืนยันเมื่อวันที่ 31 ส.ค. แต่ไม่ได้ระบุว่า นายคิม จอง อึน ติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่เมื่อใด