เป็นข่าวร้ายซํ้าซากของ “ถนนพระราม 2” ถนนที่เต็มไปด้วย โครงการ 7 ชั่วโคตร 14 ชั่วโคตร มากมาย เป็นถนนสายที่ก่อสร้างนานที่สุดในโลก หลายสิบปียังไม่เสร็จ ทั้งที่เป็นถนนสำคัญเชื่อมกรุงเทพฯลงสู่ภาคใต้ วันก่อนก็มีข่าวคานเหล็กทางด่วนที่กำลังก่อสร้างหล่นใส่รถบนถนน ล่าสุดแท่งคอนกรีตยักษ์สะพานกลับรถรูปเกือกม้าที่กำลังซ่อมหล่นใส่รถเก๋ง ทับจนรถเก๋งบี้แบนติดถนน คนนั่งข้างคนขับโดนแท่งคอนกรีตทับเสียชีวิต คนขับโชคดีไม่เสียชีวิต แต่บาดเจ็บสาหัส เป็นความรับผิดชอบของ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม โดยตรง เพราะเป็นผู้ดำเนินการซ่อมแซม แต่ไม่มีระบบป้องกันความปลอดภัยที่เพียงพอ ซํ้าร้ายยังไม่มีการปิดการจราจรในช่วงการก่อสร้าง
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องปิดช่องทางด่วนถนนพระราม 2 ส่งผลให้จราจรติดขัดยาวหลายสิบกิโลเมตร สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนหลายแสนคน
รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ อุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยกคณะวิศวกรไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วเปิดเผยว่า สะพานนี้ใช้งานมากว่า 30 ปี ที่สำคัญเคยมีไฟไหม้รถ (ใต้สะพาน) ความร้อนอาจมีผลกระทบกับคอนกรีตและเหล็กเสริม กระทั่งถึงเวลาซ่อมแซม วิธีการคือรื้อผิวคอนกรีตออก อาจจะซ่อมแซมเหล็กเสริมใหม่และเทคอนกรีตใหม่ แต่บังเอิญพอเอาพื้นออกฝั่งโน้น ฝั่งนี้แรกๆอยู่ดีกำลังเตรียมการเทก็เกิดปัญหาขึ้น คาดว่าขาดเสถียรภาพนิดหน่อย ไม่คิดว่ามันจะพลิก ถ้ามันไม่พลิกเทแทปปิ้งคอนกรีตกลับเข้าไป พอคอนกรีตแข็งตัวก็จบแล้ว
ฟังเหตุผลของ รศ.ศิริวัฒน์ อุปนายกวิศวกรรมสถานฯแล้ว รู้สึกว่าแอบมีใจช่วยกรมทางหลวงที่เป็นวิศวกรพวกเดียวกัน วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยไม่ควรคิดเช่นนี้
ในขณะที่ คุณสราวุธ ทรงวิไล อธิบดีกรมทางหลวง โยนไปให้เป็นความรับผิดชอบของ ศูนย์ก่อสร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) บอกว่า ถ้าสอบพบว่าบกพร่องจะลงโทษอย่างเด็ดขาด ทั้งทางวินัยและทางละเมิด ผู้เสียชีวิตได้เยียวยาเบื้องต้น 30,000 บาท แต่ช่างโยธาของศูนย์ฯ (ที่หล่นลงมาเสียชีวิต) จะได้รับเงินช่วยเหลือทั้งหมด กว่า 1.327 ล้านบาท ทำไม ค่าชีวิตของประชาชน กับ ค่าชีวิตของข้าราชการ จึงแตกต่างราวฟ้ากับดิน
...
สะพานลอยกลับรถรูปเกือกม้า ที่ กรมทางหลวง สร้างไว้บนทางหลวงทั่วประเทศหลายร้อยแห่ง ใช้เป็นทางกลับรถแบบง่ายๆแต่อันตราย ในความเห็นผมที่ไม่ได้เป็นวิศวกรไม่ได้เป็นสถาปนิก แต่เห็นแล้วรู้สึกว่า เป็นสถาปัตยกรรมที่อัปลักษณ์ที่สุดบนทางหลวงของประเทศไทย เป็นทางกลับรถที่อันตรายสำหรับทางหลวงที่รถต้องใช้ความเร็วสูง สะพานกลับรถรูปเกือกม้าบางแห่งกลับแล้วเข้าสู่ช่องทางด่วนได้เลย แต่สะพานกลับรถที่สร้างใหม่มีการพัฒนาขึ้น กลับรถแล้วให้ลงสู่ถนนรองด้านในก่อนเข้าทางด่วน
ผมไม่รู้ว่าวิศวกรและสถาปนิกของกรมทางหลวงไปเอารูปแบบ “สะพานกลับรถรูปเกือกม้าคร่อมทางหลวงทางด่วน” มาจากประเทศไหน แต่ประเทศที่เจริญแล้วทุกประเทศที่ผมเคยไปเห็นมา ผมเชื่อว่าวิศวกรกรมทางหลวงก็ไปดูมาแล้วทั่วโลก ไม่ว่า สหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน ฯลฯ ไม่มีประเทศไหนใช้ทางกลับรถบนทางหลวงทางด่วนรูปเกือกม้าเหมือนกรมทางหลวงไทยแลนด์ ประเทศทั้งหมดที่เห็นมา เขาออกแบบถนนทางแยกทางกลับรถบนทางด่วนเป็น “รูปกลีบดอกไม้” สวยงาม ถ้าแยกน้อยก็กลีบสองกลีบ ถ้าแยกมากก็หลายกลีบ มีความปลอดภัยสูง ถนนออกแบบเป็นรูปโค้งสามารถตีวงได้ตามความเร็วรถ ทางเข้าทางด่วนก็มีเลนให้วิ่งคู่ขนานเพื่อเข้าทางด่วนอย่างปลอดภัย ที่ว่างในรูปกลีบดอกไม้ ก็ปลูกเป็นสวนสวยงาม ไม่ใช่เป็นแท่งคอนกรีตเต็มไปทั้งเมืองอย่างที่เราเห็นบนทางหลวงและ กทม.
ผมหวังว่า กรมทางหลวง จะ สร้างความเจริญให้ประเทศชาติอย่างรับผิดชอบ ด้วย ระบบทางหลวงทางด่วนที่ปลอดภัยและสวยงาม เหมือน อารยประเทศ เขาทำกัน.
“ลม เปลี่ยนทิศ”