ก.อ. มีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อธิบดีอัยการ สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย ขึ้นดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดคนใหม่ และเป็นอัยการสูงสุดผู้หญิงคนแรก

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2565 ที่ประชุม ก.อ.มติเอกฉันท์เห็นชอบให้นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อธิบดีอัยการ สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย ขึ้นดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดคนใหม่ สืบเนื่องจากนายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุดคนปัจจุบันจะมีอายุครบ 65 ปีในปีงบประมาณ 2565 นี้ ซึ่งตามกฎหมายจะต้องพ้นจากตำแหน่งอัยการสูงสุด ไปเป็นอัยการอาวุโส ตามมาตรา 39 พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553

ขั้นตอนต่อไป สำนักงานอัยการสูงสุดจะดำเนินการตามขั้นตอน โดยจะมีหนังสือกราบเรียนไปยังประธานวุฒิสภา เพื่อให้นำเข้าที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาเห็นชอบ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้วก็จะนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อโปรดเกล้าฯ ต่อไป

สำหรับ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร ว่าที่อัยการสูงสุด คนที่ 17 สําเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเนติบัณฑิตไทย ปริญญาโทด้านกฎหมายเปรียบเทียบ Howard University, Wash, DC USA ปริญญาโทด้านกฎหมายระหว่างประเทศ The American University Wash, DC USA และปริญญาโทด้านกฎหมายการให้ความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ Vrije University of Brussel, Belgium (ทุนรัฐบาลเบลเยียม)
สำหรับประวัติการทำงานของ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร

เริ่มทำงานปี พ.ศ. 2528 ในสำนักงานคดีอาญาธนบุรี สำนักงานคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย โดยทำหน้าที่ให้คำปรึกษากฎหมายแก่หน่วยงานภาครัฐ และเจรจา ตรวจร่างสัญญาภาครัฐ
พ.ศ. 2553 เป็นอาจารย์ (พิเศษ) คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พ.ศ. 2554 เคยดำรงตำแหน่งเลขานุการรองอัยการสูงสุด (นายตระกูล วินิจนัยภาค), เลขานุการอัยการสูงสุด และปัจจุบันดำรงตำแหน่ง อธิบดีอัยการ สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย

...

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีผลงานโดดเด่น อาทิ คดีเพชรซาอุฯ คดีฆ่าเจ้าหน้าที่การทูตซาอุฯ สัญญาเกี่ยวกับพลังงาน สัญญาเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ สัญญาร่วมลงทุน สัญญาการจัดหาวัคซีนและยารักษาโรคระบาดโควิด-19 และได้รับเลือกเป็น ก.อ. ผู้ทรงคุณวุฒิ (ประเภทข้าราชการอัยการชั้น 5 ขึ้นไป) 2 สมัย

สำหรับ น.ส.นารี ถ้าผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาเเละได้นำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เเล้วจะเป็นอัยการสูงสุดผู้หญิงคนเเรกของประเทศไทย