ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แจงเหตุชายคลั่งเมายาบ้าถืออาวุธบุกรุกเขตการบิน สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมทำร้ายเจ้าหน้าที่และอาคารได้รับความเสียหาย ก่อนถูกชารจ์จับตัวได้ โดนหลายข้อหาหนัก โทษสูงถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต เพราะถือว่าการกระทํานั้นเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน


เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 พ.ค.65 ที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมด้วย พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ท่าอากาศสุวรรณภูมิ ร่วมกันแถลงข่าว กรณีมีผู้บุกรุกเข้าเขตการบิน โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามารถเข้าระงับเหตุสกัดจับได้ ขณะนี้ผู้บุกรุกได้ถูกจับกุมนำส่งตัวดำเนินคดีข้อหาบุกรุกและใช้อาวุธกระทำการอันอาจเป็นอันตรายต่อท่าอากาศยาน

จากกรณี เมื่อวันที่ 3 พ.ค.65 เวลา 11.50 น. ที่ทางเข้าลานจอด Control post 3 ได้เกิดเหตุมีบุคคลภายนอกขับขี่รถจักรยานยนต์ พกอาวุธ ฝ่าฝืนมาตรการรักษาความปลอดภัยบุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามภายในเขตการบิน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยภาพจากคลิปดังกล่าวจะเห็นว่ามีชายคนหนึ่งถือขวานเหล็กพร้อมด้ามไล่ทำร้ายเจ้าหน้าที่และวิ่งอยู่ใกล้กับเครื่องบินที่จอดในหลุมจอดที่ 101 โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของการท่าพยายามเข้าจับกุมตัว แต่ชายคนดังกล่าวใช้ขวานไล่ฟันและวิ่งหนีขึ้นบันไดท่าเทียบเครื่องบินจุดที่สามารถเชื่อมต่ออาคารผู้โดยสารได้ จังหวะนั้นเจ้าหน้าที่การท่าจึงตัดสินใจเข้าชาร์จตัวเอาไว้ได้สำเร็จ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น โดยหลังเกิดเหตุพบว่าชายคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บจากบาดแผลถูกกระจกของทางเข้าอาคารผู้โดยสารแตกใส่และจากการต่อสู้กับทางเจ้าหน้าที่ ขณะที่มีรายงานมีเจ้าหน้าที่บางนายได้รับบาดเจ็บถลอกตามร่างกายด้วยเช่นกัน หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวชายคนดังกล่าว ทราบชื่อภายหลังคือ นายวัชระ คำบุตร อายุ 34 ปี อยู่ที่ ต.เอราวัณ อ.เอราวัณ จ.เลย พร้อมกับยึดของกลางเป็นปืนปลอมสั้น 1 กระบอก ขวานด้ามเหล็กยาวกว่า 50 เซนติเมตร กรรไกรปลายแหลมด้ามพลาสติก 1 อัน ยาบ้าสีส้ม 1 เม็ดบรรจุในกล่องพลาสติกทองรูปพรรณ โดยในเบื้องต้นชายคนดังกล่าวยังอยู่ในอาการเมาเสาเสพติด และยังไม่สามารถเอาตัวมาสอบปากคำได้ จึงต้องนำตัวเข้าห้องขังเพื่อสงบสติอารมณ์ ที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

...

นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 11.50 น. ได้เกิดเหตุมีบุคคลภายนอกขับขี่รถจักรยานยนต์ พกอาวุธ ฝ่าฝืนมาตรการรักษาความปลอดภัยบุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามภายในเขตการบิน โดยเมื่อได้รับแจ้งเหตุ ศูนย์รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตลอดเหตุการณ์ พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขับรถยนต์สายตรวจเข้าตามสกัดจับผู้บุกรุก แต่เนื่องจากผู้บุกรุกมีอาวุธทางเจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กำลังในการควบคุม โดยสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในเวลา 12.03 น. และนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ก่อนที่ผู้บุกรุกจะพยายามหนีเข้าไปในสะพานเทียบอากาศยาน ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุเป็นชายไทย อายุ 34 ปี ขณะจับกุมบุคคลดังกล่าวยังมีอาการมึนเมาจากการเสพยาเสพติด โดยเจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางเป็นสิ่งเทียมอาวุธปืนสั้น และของมีคม(ขวานเหล็ก, กรรไกร) พร้อมด้วยยาบ้า 1 เม็ด

นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ส่งผลต่อการให้บริการผู้โดยสารและเที่ยวบิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทสภ. ได้ปฏิบัติหน้าที่เข้าระงับเหตุได้อย่างทันท่วงทีและเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอาวุธ จึงทำให้ผู้ก่อเหตุและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และได้รับการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ขณะที่ผู้ก่อเหตุได้ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุนอกจากจะถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่หวงห้ามภายในท่าอากาศยานแล้ว จะต้องถูกดำเนินคดีจากข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ตามมาตรา 19 ด้วยข้อหาใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใดกระทำการอันอาจเป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน ซึ่งมีระวางโทษหนักอาจถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หกแสนบาทถึงแปดแสนบาท นอกจากนี้ยังมีความผิดในการทำลายทรัพย์สินของท่าอากาศยานจนได้รับความเสียหาย รวมทั้งมีความผิดเนื่องจากเสพและมียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายอีกด้วย ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลให้มีทรัพย์สินส่วนหนึ่งของ ทสภ. ได้รับความเสียหายโดยตรวจพบประตูกระจกตรงช่องทางเข้าอาคารเทียบเครื่องบินแตกเสียหาย จำนวน 2 บาน เนื่องจากผู้บุกรุกได้ใช้อาวุธทุบประตูกระจกเพื่อพยายามหลบหนีเข้าไปในอาคารแต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสกัดจับได้เสียก่อน โดย ทสภ.ปฏิบัติตามขั้นตอนด้านการรักษาความปลอดภัย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และผู้โดยสารเป็นสำคัญ

...

ด้าน พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุว่า โดยในวันนี้เจ้าตัวเริ่มมีสติกลับมามากแล้ว จนสามารถเล่าเหตุการณ์และจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่าลงมือทำไปจริง เพราะว่าก่อนหน้านี้ช่วงกลางคืนตนเองไปซื้อยาบ้ามาสิบเม็ดและเสพติดต่อกันไปถึงแปดเม็ด จนกระทั่งเลิกงานกลับถึงห้อง พอนอนก็ได้ยินเสียงมีคนบอกให้ไปปล้นเครื่องบิน จึงเอาปืนปลอมที่สั่งซื้อพกติดตัวออกมา ส่วนขวานเหน็บติดรถไว้อยู่แล้ว จากนั้นก็ขี่ออกมาที่สนามบิน ตั้งใจขึ้นไปที่อาคารผู้โดยสาร แต่ขับหลงไปทางดังกล่าว ตอนนั้นในหูได้ยินแต่เสียงคนบอกให้ไปอย่างเดียว

หลังการสอบสวน พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 มาตรา 19 ผู้ใดใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ถ้าการกระทํานั้นเป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน ผู้กระทําต้องระวางโทษประหารชีวิต จําคุกตลอดชีวิต หรือจําคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000-800,000 บาท พกพาอาวุธ(ขวาน)ไปในทาง เมือง ชุมชน และพื้นที่ห้วงห้ามเขตการบิน โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลัว ขับขี่ยานพาหนะขณะเสพสารเสพติดในร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์ ต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงาน มียาเสพติด(ยาบ้า)ไว้ในความครอบครอง โดยผิดกฎหมาย

...