"มนัญญา" เตรียมหารือ "รมว.เกษตรฯ" เร่งแก้ปัญหาโควตานมโรงเรียน ช่วยเหลือสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมให้ได้รับความเป็นธรรมทุกฝ่าย หลังตัวแทนชุมนุมสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์คเข้าพบ
เมื่อวันที่ 9 มี.ค.65 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังประชุมหารือการแก้ไขปัญหาโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน และรับมอบหนังสือพิจารณาหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน จากตัวแทนชุมนุมสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์ค จำกัด พร้อมด้วย นายประกอบ เผ่าพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ณ ห้อง 112 กระทรวงเกษตรฯ ว่า ภายหลังได้รับหนังสือแล้ว จะนำข้อร้องเรียนของตัวแทนชุมนุมฯเข้าหารือกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทยซึ่งเป็นอาชีพพระราชทานให้สามารถมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการนมโรงเรียนได้ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้รับงบประมาณจากรัฐบาลที่จัดสรรให้ดำเนินการปีละกว่า 14,000 ล้านบาท สำหรับผลิตนมโรงเรียน ที่มีคุณภาพให้แก่เด็กนักเรียนของไทยได้ดื่ม และยังช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้ความสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน

...
ทั้งนี้ จากข้อร้องเรียนของชุมนุมสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค จำกัด ที่ได้มีการประชุมร่วมกันในหลายครั้งที่ผ่านมา พบว่า มีหลายประเด็นที่จะต้องตรวจสอบความถูกต้องให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเกี่ยวกับข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร อาทิ 1. การจัดสรรโควตานมโรงเรียนให้กับองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ปีการศึกษาละ 96 ตัน เป็นจำนวนที่เหมาะสมหรือไม่ หากเทียบกับจำนวนเกษตรกรที่ อ.ส.ค. จะต้องรับซื้อน้ำนมดิบวันละประมาณ 700 ตันต่อวัน หรือร้อยละ 9 ของโครงการนมโรงเรียนที่จะใช้นมดิบทั้งระบบประมาณ 1,200 ตันต่อวัน จากผลผลิตนมทั้งประเทศ 3,500 ตันต่อวัน 2. คุณภาพนมดิบที่เข้าโครงการเป็นไปตามมาตรฐานที่มีการกำหนดหรือไม่ เนื่องจากเกษตรกรระบุว่า ในบางพื้นที่ยังพบปัญหาคุณภาพน้ำนมยังไม่ได้มาตรฐาน แต่บางโรงงานนำไปผลิตเข้าโครงการได้ ซึ่งเรื่องนี้เห็นควรต้องมีการมาวางระบบตรวจสอบให้ถูกต้องชัดเจน และ 3. การที่มีผู้ประกอบการไปจัดตั้งโรงงานผลิตนมขนาดเล็ก 3-5 ตัน เพื่อขอรับสิทธิ์เข้าโครงการนมโรงเรียน โดยไม่มีที่มาของฟาร์มโคนมที่นำมาผลิตเป็นวัตถุดิบ กรณีนี้จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นจริงตามข้อร้องเรียนหรือไม่ เป็นต้น
"เจตนารมณ์ของโครงการนมโรงเรียน คือ ต้องการให้นักเรียนของไทยได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันก็ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงมีความยั่งยืนในการประกอบอาชีพ ที่ผ่านมาจึงได้มีการกำหนดรูปแบบโครงการว่า นมที่เข้าโครงการนมโรงเรียน ส่วนหนึ่งจะต้องมาจากเกษตรกร แต่จะเห็นว่าปัจจุบัน อ.ส.ค. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจมีหน้าที่รับซื้อ รับผิดชอบนมจากเกษตรกร ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 4,500 ครัวเรือน ปริมาณน้ำนมดิบ 700 ตันต่อวัน แต่ได้สิทธิ์โควตานมโรงเรียนเพียง 96 ตันต่อวัน ที่เหลือเป็นภาคส่วนอื่นที่ได้รับโควตาไป แต่เมื่อเกิดปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร ทั้งราคาน้ำนม คุณภาพน้ำนม นมโรงเรียนบูด นมโรงเรียนเสีย อ.ส.ค. เป็นหน่วยงานแรกที่ถูกร้องเรียน ในขณะที่ อ.ส.ค. มีส่วนผลิตเพียงร้อยละ 9 เท่านั้น และสัดส่วนนมโรงเรียน 96 ตันต่อวัน ไม่สามารถที่จะดูแลสมาชิกสหกรณ์โคนมได้อย่างครอบคลุม ทำให้เกษตรกรเดือดร้อน รวมถึง อ.ส.ค. ยังต้องแบกภาระสต๊อกน้ำนม UHT กว่า 30,000 ตัน เนื่องจากประสบปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19) ดังนั้น จะเสนอ รมว.เกษตรฯ ให้นำเรื่องนี้หารือในส่วนของกระทรวงเกษตรฯโดยเร่งด่วน จะไม่รอให้เกษตรกรต้องขนนมมาทิ้งเหมือนในอดีตที่ผ่านมา" นางสาวมนัญญา กล่าว

ด้าน นายสมาน เหล็งหวาน ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์ค จำกัด มีข้อเสนอในหนังสือให้กระทรวงเกษตรฯ พิจารณา ดังนี้ 1. ทบทวนพิจารณาโควตานมโรงเรียนให้กับกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์โคนมที่มีเกษตรกรเลี้ยงโคนมเป็นสมาชิก ก่อนผู้ประกอบการบางรายที่ไม่มีโคนม และให้ยกเลิกคุ้มครองโรงงานโรงนมเล็กทั้งหมด ซึ่งไม่เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรและนักเรียน ให้ยกเลิกทั้งขนาด 5 ตัน และ 3 ตัน มิฉะนั้นจะเกิดโรงใหม่ขึ้นทุกปี แต่จำนวนเด็กนักเรียนตามงบประมาณเท่าเดิม 2. ให้สหกรณ์ที่มีเกษตรกรเลี้ยงโคนมจริงเป็นสมาชิก และได้ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ซื้อขายน้ำนมดิบระหว่างกัน และต้องการขอสิทธิ์โควตาทำนมโรงเรียน โดยขอจัดสรรสิทธิ์โควตาให้เป็นไปตามสัดส่วนการรับน้ำนมดิบที่เป็นธรรมและโปร่งใส (เกษตรกรตัวจริง) ที่รวมตัวเป็นสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรตัวจริง 3. ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์และเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้ประกอบการนมโรงเรียน อนุญาตประกอบกิจการโรงงานเฉพาะกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์โคนม โดยให้สามารถจ้างโรงงานผลิตภัณฑ์นมในพื้นที่ที่มีกระบวนการผลิตผ่านหลักเกณฑ์อาหารเสริม (นม) โรงเรียน เป็นไปตามข้อกำหนด 4. พิจารณาให้กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ได้สิทธิ์โควตา เข้าไปทำนมโรงเรียนง่ายและมากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มน้ำนมที่ผลิตได้ และเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้สหกรณ์และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมมีตลาดที่แน่นอน มั่นคง และยั่งยืน 5. ให้จัดสรรสิทธิ์ตามสัดส่วนการรับน้ำนมดิบของเกษตรกร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและยุติธรรม และ 6. ให้ตรวจสอบผู้ประกอบบางรายที่ไม่รับน้ำนมดิบจากเกษตรกรแต่กลับมาได้งบในโครงการนมโรงเรียน
...

ทั้งนี้ นายสมาน ระบุว่า ขณะนี้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจากการจัดสรรโควตานมโรงเรียน ซึ่งมองว่าไม่เป็นธรรมกับภาคเกษตรกร จึงต้องมาขอความเป็นธรรมจากรัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว.