สาวท้อง 9 เดือนติดโควิด เจ็บท้องใกล้คลอด แต่ไร้โรงพยาบาลรับรักษา เพจสายไหมต้องรอดรุดไปช่วย พบปากมดลูกเปิดเกือบ 2 ซม. เช้าเตรียมผ่าคลอด
กลางดึกคืนวันอาทิตย์ที่ 6 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม และเป็นผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวตั้งท้อง 9 เดือน ติดโควิด มีอาการเจ็บท้องใกล้คลอด จึงเดินทางลงพื้นที่พร้อมทีมสายไหมต้องรอดโดยเร่งด่วน ไปยังบ้านเลขที่ 72 ถนนเจริญราษฎร์ 3 แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร เมื่อไปถึง พบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีผู้อยู่อาศัยทั้งหมด 4 คน ติดเชื้อโควิดแล้ว 3 คน อยู่ระหว่างกักตัวรอดูอาการอีก 1 คน
หนึ่งในผู้ติดเชื้อ คือ หญิงสาวตั้งท้อง 9 เดือน มีอาการเหนื่อยหอบ แขนขาอ่อนแรง อาเจียนตลอดทั้งวัน เมื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดพบว่า ค่าออกซิเจนในเลือดอยู่ที่ 92 มีไข้ 37 องศาเซลเซียส และเริ่มมีอาการเจ็บท้องใกล้คลอด โดยวันอาทิตย์ทั้งวัน ผู้ป่วยและญาติๆ พยายามติดต่อหาโรงพยาบาลเพื่อทำคลอดแต่ไม่มีที่ไหนรับ แม้กระทั่ง รพ.ใหญ่แห่งหนึ่งที่ผู้ป่วยไปฝากท้องไว้ ก็ปฏิเสธการรักษา โดยให้เหตุผลเพียงว่า ทาง รพ.ไม่มีนโยบายทำคลอดคนติดเชื้อโควิด ต้องรักษาตัวให้หายก่อนจึงจะมาคลอดที่ รพ.ได้ จนกระทั้งช่วงค่ำ จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือไปยัง ทีมสายไหมต้องรอด เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือ
นายเอกภพ กล่าวว่า หลังรับแจ้งตนได้โทรศัพท์ไปประเมินอาการผู้ป่วยด้วยตัวเอง พบว่า ผู้ป่วยมีอาการไอตลอดเวลา หายใจเหนื่อยหอบ พูดเป็นประโยคยาวๆ ไม่ได้ และอาเจียนมาตลอดทั้งวัน ที่สำคัญมีอาการเจ็บท้องเหมือนคนใกล้คลอด จึงถือได้ว่าเป็นเคสที่เข้าข่ายสี่เหลืองเข้ม ตนพร้อมทีมงานจึงรีบเดินทางมาให้การช่วยเหลือ โดยใช้เวลาประสานหา รพ.ประมาณ 2 ชม. ศูนย์เอราวัณ จึงประสาน รพ.เลิดสิน ส่งรถพยาบาลมารับผู้ป่วยเข้ารับการรักษา
...
ล่าสุด เมื่อเดินทางไปถึง รพ.พบว่าปากมดลูกเปิด 1.5 เซนติเมตร แพทย์จึงพาผู้ป่วยเข้าห้องคลอดเตรียมผ่าตัดทำคลอดโดยด่วน ในช่วงเช้าของวันนี้
ต่อมา กรมการแพทย์ ได้ทำการชี้แจงถึงกรณีที่ไม่มีโรงพยาบาลรับรักษา ว่า ข้อเท็จจริง ผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้ป่วยหญิงอายุ 32 ปี ตั้งครรภ์อายุครรภ์ 9 เดือน และมีประวัติเคยผ่าคลอดมาก่อน ได้ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ต่อมาพบบุคคลในครอบครัวติดเชื้อโควิด 19 จึงตรวจ ATK ด้วยตนเองให้ผลบวกและมีอาการเจ็บครรภ์จึงได้ติดต่อไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่ฝากครรภ์เพื่อเข้ารับการรักษา แต่โรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวปฏิเสธการทำคลอด จึงทำให้ผู้ป่วยซึ่งมีสิทธิประกันสังคมโรงพยาบาลเลิดสิน ติดต่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเลิดสิน
เบื้องต้นแพทย์ได้ทำการตรวจ RT-PCR เพื่อยืนยันก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และประเมินอาการผู้ป่วย ซึ่งพบว่าขณะนั้นไม่พบอาการผิดปกติอื่น โรงพยาบาลจึงแนะนำให้สังเกตอาการที่บ้านเพื่อรอผลตรวจ RT-PCR ก่อนนำเข้าสู่กระบวนการรักษา
ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกันผู้ป่วยเริ่มเจ็บครรภ์ มีอาการคลื่นไส้อาเจียนจึงได้ติดต่อไปยังศูนย์เอราวัณ ทางศูนย์เอราวัณจึงนำส่งโรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลรับผู้ป่วยตอนเวลาเที่ยงคืนประเมินอาการเบื้องต้นพบว่า ผู้ป่วยอาการคงที่ ไม่มีมดลูกหดตัว ไม่มีน้ำเดิน ระดับออกซิเจนในเลือดปกติ ไม่พบอาการผิดปกติอื่น จึงรับไว้สังเกตอาการ เพื่อวางแผนการรักษาสำหรับการผ่าตัดคลอดต่อไป
สำหรับผู้ป่วยรายนี้ ตามระบบแล้วควรจะได้รับการดูแลเบื้องต้นจากโรงพยาบาลที่รับฝากครรภ์ก่อน หากเกินศักยภาพของโรงพยาบาลจึงค่อยส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่รับผิดชอบดูแลตามพื้นที่ที่แบ่งไว้
กรมการแพทย์ขอความร่วมมือไปยังโรงพยาบาลเอกชน ขอให้ช่วยดำเนินการตามแนวทางระบบที่ได้วางไว้ และขอให้ทุกภาคส่วนรายงานข้อเท็จจริงตามความเป็นจริงเพื่อให้ประชาชนได้รับข่าวสารที่ถูกต้อง โดยไม่ทำให้สังคมตื่นตระหนกเกินควร