กรุงเทพฯ เตรียมมาตรการรับมือภัยแล้ง คาดเริ่มเข้าฤดูร้อนกลาง ก.พ.นี้ ช่วยเหลือเกษตรกร ขาดแคลนน้ำ พร้อมเปิดให้ขอรับน้ำที่ผ่านการบำบัดได้ทั้ง 8 แห่ง ไปใช้ในกิจกรรม

วันที่ 2 ก.พ. 65 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาภัยแล้งที่จะตามมา ดังนั้นเพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำนักงานเขตเตรียมแผนรองรับและติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค 2.ด้านการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร 3.ด้านปัญหาน้ำเค็มเนื่องจากน้ำทะเลหนุนสูง 4.ด้านถนนทรุดตัวรวมทั้งคลองสายต่างๆ 5.ด้านการสาธารณสุข (โรคระบาด) และ 6.ด้านเพลิงไหม้อาคารและเพลิงไหม้หญ้า เพื่อให้ช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที โดยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้งได้ทางโทรศัพท์สายด่วน 199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ได้บูรณาการความร่วมมือกับกรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์น้ำ ปริมาณน้ำในเขื่อน ปริมาณการระบายน้ำ พร้อมทั้งการเตรียมความพร้อม รวมถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนน้ำในการอุปโภค บริโภค และด้านการเกษตร ซึ่งปัจจุบันกรุงเทพฯ มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งเล็กน้อย

...



จากการรายงานของสำนักงานเขตมายังสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่า มีเกษตรกรในพื้นที่เขตทุ่งครุ จำนวน 369 ครัวเรือน เริ่มประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งสำนักงานเขตทุ่งครุได้แนะนำเกษตรกรจัดหาภาชนะกักเก็บน้ำฝนไว้สำรองใช้ และใช้น้ำประปาในการเกษตรและการปศุสัตว์ และอื่นๆ พร้อมทั้งได้จัดเตรียมรถบรรทุกน้ำในกรณีเร่งด่วน สำหรับบริการน้ำจืดให้กับเกษตรกรที่มีความจำเป็นและได้ร้องขอความช่วยเหลือ และพบปัญหาด้านน้ำเค็ม ทำให้ไม่สามารถนำน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติบางแห่งมารดน้ำต้นไม้ในพื้นที่เขตบางคอแหลมได้ ซึ่งสำนักงานเขตบางคอแหลมได้แก้ไขปัญหาโดยการจัดหาแหล่งน้ำใหม่มาใช้ในการรดน้ำต้นไม้ เช่น ใช้น้ำจากโรงบำบัดน้ำช่องนนทรี เป็นต้น

สำหรับพื้นที่ฝั่งตะวันออก สำนักการระบายน้ำได้ขุดลอกคลองสายรองเพื่อผันน้ำจากคลองสายหลักเข้าสู่พื้นที่ต่างๆ รวมถึงยังมีการทำทำนบชั่วคราวพร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวเกษตรกรอีกทางหนึ่ง

ส่วนปัญหาน้ำเค็ม ทางสำนักการระบายน้ำมีการเฝ้าระวังการรุกตัวของน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีตรวจวัดคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองต่างๆ การควบคุมการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำริมเจ้าพระยาไม่ให้น้ำเค็มไหลเข้ามาในคลอง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกร อีกทั้งยังได้เตรียมความพร้อมสถานีสูบน้ำตามแนวริมแม่น้ำเพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการ Water Hammer Operation (กระแทกลิ่มความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา) ร่วมกับกรมชลประทาน เพื่อช่วยผลักดันลิ่มความเค็มไม่ให้มีผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาให้มากที่สุด

และเพื่อปัญหาการขาดแคลนน้ำ และช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนที่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ อาทิ รดน้ำต้นไม้ ล้างถนน ล้างตลาด ล้างเครื่องจักรภายในโรงงาน กรุงเทพมหานครได้มีการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงควบคุมคุณภาพน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 8 แห่ง รวมปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัดทั้งสิ้น 815,000 ลบ.ม./วัน ประกอบด้วย โรงควบคุมคุณภาพน้ำสี่พระยา ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 15,000 ลบ.ม./วัน โรงควบคุมคุณภาพน้ำรัตนโกสินทร์ ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 20,000 ลบ.ม./วัน โรงควบคุมคุณภาพน้ำช่องนนทรี ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 100,000 ลบ.ม./วัน โรงควบคุมคุณภาพน้ำหนองแขม ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 140,000 ลบ.ม./วัน โรงควบคุมคุณภาพน้ำทุ่งครุ ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 60,000 ลบ.ม./วัน โรงควบคุมคุณภาพน้ำจตุจักร ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 140,000 ลบ.ม./วัน โรงควบคุมคุณภาพน้ำดินแดง ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 240,000 ลบ.ม./วัน และศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบางซื่อ ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 100,000 ลบ.ม./วัน โดยประชาชนสามารถไปขอรับน้ำที่ผ่านการบำบัดได้ทั้ง 8 แห่ง หรือสอบถามได้ที่ 0-2248-5115.