คกก.โรคติดต่อ เห็นชอบแนวทางปรับโควิดเป็นโรคประจำถิ่น มอบ สธ.บริหารจัดการ พร้อมไฟเขียวหลักการจัดตั้งคลินิกวัคซีนผู้ใหญ่ “หมอเกียรติภูมิ” เผย ดื่มสุราแล้วติดเชื้อลดลง แต่พบในตลาดเพิ่มขึ้น

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 ม.ค. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข ว่า ที่ประชุมหารือ 2 ประเด็นสำคัญ คือ

1. เห็นชอบแนวทางการพิจารณาให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น (endemic disease) มีหลักเกณฑ์และค่าเป้าหมาย เช่น ผู้ป่วยรายใหม่ไม่เกิน 10,000 ราย/วัน อัตราป่วย-ตาย น้อยกว่าร้อยละ 0.1 การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล น้อยกว่าร้อยละ 10 และประชาชนมีภูมิต้านทานเพียงพอ กลุ่มเสี่ยงป่วยรุนแรงได้วัคซีนอย่างน้อย 2 โดส มากกว่า 80% เป็นต้น ซึ่งหากสถานการณ์เหมาะสมและเข้าหลักเกณฑ์ที่กำหนด กระทรวงสาธารณสุขจะมีการประกาศแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

2. เห็นชอบหลักการและแนวทางการดำเนินงานคลินิกวัคซีนผู้ใหญ่ เพื่อให้บริการวัคซีนสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ให้บริการวัคซีนโควิด และวัคซีนในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคที่มีความจำเป็น

...

ทางด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการพิจารณาให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น หลังการระบาดมา 2 ปี มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีแนวทางพิจารณาจากการติดเชื้อเป็นระยะแต่ไม่รุนแรง อัตราเสียชึวิตต่ำอยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้ สัดส่วน 1 ต่อ 1,000 มีการฉีดวัคซีน 2 เข็มเกิน 80% ซึ่งขณะนี้ฉีดไปได้ 70-75% รวมถึงมีระบบการดูแลรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขไปบริหารจัดการเพื่อนำไปสู่โรคประจำถิ่นภายในปีนี้

ทั้งนี้ ในเรื่องการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์ต่างๆ รวมถึงสถานการณ์โลก เป็นอีกปัจจัยที่ต้องพิจารณาประกอบด้วย แต่คงไม่ต้องรอให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศก่อน เพราะขณะนี้เราได้ดำเนินมาตรการหลายด้านไปก่อนแล้ว นอกจากนี้ยังเห็นชอบการจัดตั้งคลินิกวัคซีนผู้ใหญ่ ให้เป็นแผนกหนึ่งในสถานพยาบาลทุกระดับเพื่ออำนวยความสะดวกการฉีดวัคซีนต่างๆ ไม่เฉพาะโควิด-19

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังรับทราบรายงานการเฝ้าระวังสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ที่พบการติดเชื้อภายในประเทศแล้วกว่า 90% โดยสัดส่วนผู้เดินมาจากต่างประเทศเป็นโอมิครอน 100% แต่ความรุนแรงน้อย เสียชีวิตน้อย ส่วนการฉีดวัคซีนในเด็กเล็ก 5-11 ปี รับทราบจากกระทรวงศึกษาธิการ มีเด็กแจ้งความประสงค์ฉีดประมาณ 70% มีวัคซีนไฟเซอร์เด็กเข้ามาแล้ว 300,000 โดส จะทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ทุกสัปดาห์ โดยทุกอย่างเป็นไปตามแผน และจะเริ่มฉีดในเด็กกลุ่มเสี่ยงที่ป่วยในโรงพยาบาลก่อน จึงขยายการฉีดไปยังโรงเรียน พร้อมขอความร่วมมือสำหรับผู้ฉีดวัคซีนเชื้อตาย ไม่ว่าจะเป็น ซิโนแวค และซิโนฟาร์ม มาแล้ว 2 เข็ม รวมถึงสูตรไขว้ ซิโนแวค+แอสตราเซเนกา ขอให้ฉีดเข็มกระตุ้นด้วยแอสตราเซเนกา

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้สามารถลดระดับการเตือนภัยโควิดจากระดับ 4 เหลือระดับ 3 ได้หรือยัง นพ.เกียรติภูมิ ตอบว่า ยังเหมือนเดิม ไม่ได้ปรับเปลี่ยน ขณะนี้เราเน้นเตือน กทม. และพื้นที่สีฟ้า ขณะที่ความกังวลการระบาดของอินเดียที่อาจแพร่มาไทยหรือไม่นั้น นพ.เกียรติภูมิ ระบุว่า มีการจับตาประชุมตลอด

สำหรับมาตรการผ่อนคลาย Test&Go ที่จะเปิดระบบวันที่ 1 ก.พ. 2565 ผู้เดินทางเข้ามาต้องตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง เป็นหลักการที่จะควบคุมการระบาดให้มีช่องว่างน้อยที่สุด หากเข้ามาตามระบบเชื่อว่าระบบสาธารณสุขจะรองรับและควบคุมได้ ส่วนการเปิดให้ดื่มสุราได้ถึง 23.00 น. ก็ต้องเข้มงวดตามมาตรการ COVID Free Setting และต้องขอความร่วมมือทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแล แจ้งเบาะแส หากพบสถานที่ใดไม่ดำเนินตามมาตรการ อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้รับรายงานการดื่มสุราแล้วติดเชื้อลดลง แต่การติดเชื้อในตลาดเพิ่มขึ้น.