อุบัติเหตุสยอง หนุ่มวิทยากรสอนเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ควบเบนซ์ป้ายแดงรูด เลนซ้ายบนด่วนขั้นที่ 2 อโศก-ศรีนครินทร์ จังหวะเก๋งฮอนด้าบริโอวิ่งอยู่เลนกลาง เปลี่ยนเลนเข้าช่องซ้ายหลบให้รถที่วิ่งตามในเลนเดียวกัน เบนซ์ป้ายแดงเบรกไม่อยู่ ชนท้ายเต็มรัก คนในรถดับ 3 ศพ เป็นชาย 1 หญิง 2 ส่วนวิทยากรหนุ่มเจ็บเล็กน้อย ตำรวจจับเป่าเมาพบ 99 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ รับไปดื่มกินมา อ้างคู่กรณี เปลี่ยนเลนกะทันหัน เบื้องต้นแจ้ง 2 ข้อหา ขับรถประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และขับรถขณะเมาสุรา ก่อนยื่น 2 แสนบาทขอประกันตัว พร้อมขอโทษแม่ผู้ตาย สาวเจ้าของรถคู่กรณี ยินดีชดใช้ค่าเสียหาย ขณะที่ญาติ 3 ศพ ร่ำไห้ระงม นิติเวชแฉ 2 สาวผู้ตาย เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวทั้งคู่

อุบัติเหตุเบนซ์ป้ายแดงชนท้ายเก๋งดับ 3 ศพเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 00.55 น. วันที่ 18 ธ.ค. พ.ต.ท.ประยูร ทองนุ่น สว. (สอบสวน) สน.หัวหมาก รับแจ้งอุบัติเหตุบนทางด่วนขั้นที่ 2 อโศก -ศรีนครินทร์ มุ่งหน้ามอเตอร์เวย์ ช่วงข้ามคลองแสนแสบ แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.ประสิทธ์ิ วิรัตยาภรณ์ รอง ผกก.งานศูนย์ควบคุมจราจรทางด่วน 2 แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นถนน 3 เลน พบรถเก๋งฮอนด้า บริโอ สีน้ำเงิน ทะเบียน ฆษ 8497 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่เลนซ้ายสุด ลักษณะหันหน้าสวนเลน ด้านท้ายพังยับ ชิ้นส่วนรถกระจายเกลื่อนถนน ในรถมีผู้เสียชีวิต 3 ศพ ทราบชื่อคือ น.ส.ชวพร นวลสุวรรณ อายุ 30ปี เสียชีวิตที่เบาะหลัง นายสมชาย จามจุรีย์ อายุ40ปี เสียชีวิตที่เบาะข้างคนขับ ส่วนคนขับชื่อ น.ส.อัจฉรา เข็มทอง อายุ 30 ปี และเป็นเจ้าของรถ ห่างไปประมาณ 10 เมตร พบรถเบนซ์ ซีแอลเอส สีขาว ป้ายแดงทะเบียน ต 5448 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ช่องขวาสุดด้านหน้าพังยับ มีนายจินทวัส หรือโบ๊ท พงศ์บางลี่ อายุ33ปี วิทยากรสร้างการเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ และเป็นรองกรรมการผู้จัดการ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง MANA เป็นคนขับบาดเจ็บเล็กน้อยยืนรออยู่ในที่เกิดเหตุ

...

จากการสอบปากคำพยานแวดล้อมประกอบภาพที่ปรากฏในคลิปกล้องหน้ารถพยานที่ขับตามหลังพบว่า รถเบนซ์วิ่งมาเลนซ้ายด้วยความเร็วสูง ขณะที่รถผู้ตายอยู่เลนกลางแล้วเปลี่ยนเข้าช่องเลนซ้ายเพื่อหลีกทางให้รถที่วิ่งตามหลังในเลนเดียวกัน เป็นจังหวะเดียวกับที่รถเบนซ์ที่วิ่งมาในช่องซ้ายด้วยความเร็วเบรกไม่ทันพุ่งชนท้ายรถเก๋งฮอนด้าบริโออย่างจังจนเสียชีวิตทั้งคัน 3 ศพ เบื้องต้นตำรวจ สน.ทางด่วน 2 ได้คุมตัวนายจินทวัส คนขับรถเบนซ์ไปสอบสวน และตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ส่วนร่างผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่นำส่งสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ

ต่อมาเวลา 09.00 น. วันที่ 18 ธ.ค. ที่ สน. ทางด่วน 2 นางสุดา ไทยเจริญ อายุ 55 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี แม่ น.ส.อัจฉรา เข็มทอง อายุ 30 ปี เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนกรณีลูกสาวและเพื่อน ถูกรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ สีขาว ป้ายแดง ชนเสียชีวิต ก่อนเปิดเผยว่า ทราบเรื่องเมื่อช่วงเช้า ตำรวจโทร. มาแจ้งว่าลูกสาวเสียชีวิต สำหรับรถยนต์ฮอนด้าคันที่ถูกชน ลูกสาวซื้อได้ 1 ปี ตนกับลูกสาวไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ทราบรายละเอียดว่าลูกสาวจะเดินทางไปไหน และไม่ทราบว่าในรถมีกี่คน ที่ผ่านมาได้คุยกันทางโทรศัพท์ เตือนให้ระวังความปลอดภัยเรื่องการขับรถ รวมทั้งเรื่องการดูแลครอบครัว เพราะลูกสาวมีลูก 3 คน วัย 3-5 ขวบ สามีแยกทางกันไปแล้ว รู้สึกช็อกกับการสูญเสีย ตอนนี้จะประสานสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ นำร่างลูกสาวไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี

ด้าน พ.ต.ท.ประสิทธิ์ วิรัตยาภรณ์ รอง ผกก. สน.ทางด่วน 2 กล่าวว่า เบื้องต้นนายจินทวัส คนขับรถเบนซ์ให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าก่อนเกิดเหตุไปสังสรรค์กับเพื่อนย่านรามอินทรา ตอนเกิดเหตุไม่เห็นรถคู่กรณี มาเห็นตอนรถคู่กรณีเปลี่ยนเลนกะทันหัน พยายามเบรกแล้วแต่ไม่ทัน ตำรวจแจ้งดำเนินคดี 2 ข้อหา คือ 1.ขับรถโดยประมาททำให้ ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2.ขับรถขณะมึนเมาสุรา ส่วนรถเก๋งฮอนด้าคู่กรณียังไม่ทราบว่าปลายทางจะไปทางไหน แต่มีรายงานว่าจะไปที่ จ.ชลบุรี สำหรับนายจินทวัสหลังเกิดเหตุได้ตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ทันที พบว่ามี 99 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

รอง ผกก.สน.ทางด่วน 2 กล่าวอีกว่า ส่วนผู้เสียชีวิต 3 ราย สน.หัวหมาก ส่งชันสูตรที่สถาบัน นิติเวช รพ.ตำรวจ ตามขั้นตอน เนื่องจากตายผิด ธรรมชาติ รวมถึงจะตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายทั้ง 3 ราย ต้องใช้เวลา เมื่อได้ผลมาแล้วจะนำข้อมูลมาประกอบกับสำนวนคดี ก่อนสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนกรณีที่ญาติผู้เสียชีวิตกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคู่กรณีมีฐานะทางสังคม แล้วจะมีผู้ใหญ่กดดันเรื่องคดี ยืนยันว่าตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนเรื่องการเยียวยา ทราบว่าคู่กรณีได้เจรจากัน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป อาจต้องนัดพูดคุยใหม่อีกครั้ง เป็นเรื่องของทั้ง 2 ฝ่าย ที่จะต้องทำความเข้าใจกัน
กระทั่งเวลา 13.30 น. ที่ สน.ทางด่วน 2 นายจินทวัส หรือโบ๊ท พงศ์บางลี่ อายุ 33 ปี คนขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ สีขาว ป้ายแดง ทะเบียน ต 5448 กรุงเทพมหานคร หลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ทางด่วน 2 นานกว่า 3 ชั่วโมง ได้ยื่นหลักทรัพย์เงินสด 2 แสนบาท ขอปล่อยตัวชั่วคราวพร้อมกล่าวว่า ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอแสดงความเสียใจจากใจจริงกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ไม่มีเจตนา ยินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด และจะไปเข้าร่วมงานศพผู้เสียชีวิตทั้ง 3ราย

อีกด้านหนึ่ง ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อเวลา 14.00 น. ญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ศพ เข้าติดต่อรับศพ โดยนางสุดา ไทยเจริญ แม่ น.ส.อัจฉรา เข็มทอง 1 ในผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อเช้าที่ สน.ทางด่วน 2 ได้พบนายจินทวัส ผู้ก่อเหตุได้กล่าวคำขอโทษ ระบุต่อหน้าตำรวจว่า ยินดีจะรับผิดชอบ ทุกอย่างทั้งค่าทำศพเบื้องต้น 2 หมื่นบาท และค่าเลี้ยงดูลูกทั้งสามคนของ น.ส.อัจฉรา นอกจากนี้จะขอไปร่วมงานศพที่เตรียมจัดที่ จ.สุพรรณบุรี เพื่อขอขมาศพด้วย ตนยินดีหากคู่กรณีพร้อมรับผิดชอบ ไม่ได้คับแค้นใจอะไร เพราะชีวิตลูกสาวเรียกกลับคืนมาไม่ได้แล้ว และไม่อยากจองเวรซึ่งกันและกัน

...

ขณะที่นางนงรักษ์ ศรีนิล แม่ น.ส.ชวพร นวลสุวรรณ ระบุว่า ลูกสาวเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเช่นกัน ก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนนี้ ช่วง 5 ทุ่ม เพิ่งจะพูดคุยกับลูกสาวเรื่องหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว ก่อนที่ลูกสาวขอออกไปข้างนอกกับเพื่อนตามปกติ ส่วนตนเข้านอนโดยที่ไม่มีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเหตุร้าย กระทั่งช่วงเช้ามีเพื่อนลูกโทรศัพท์มาบอกว่า ลูกสาวเสียชีวิต ตอนนี้ยังช็อกทำใจไม่ได้ อยากให้ผู้ก่อเหตุเข้ามาขอขมาศพลูก และรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น

ส่วนศพของนายสมชาย จามจุรี หลังญาติรับศพที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ถูกนำไปประกอบพิธี ตามศาสนาอิสลาม ที่มัสยิดเนี๊ยะมาตุ้ลมักบูลีน (แบนใหญ่) ย่านหนองจอก ศพ น.ส.ชวพรนำไปบำเพ็ญ กุศลที่วัดโตนด ย่านตลิ่งชัน ส่วนศพ น.ส.อัจฉรานำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดท่ามะกรูด จังหวัดสุพรรณบุรี

เย็นวันเดียวกัน ที่มัสยิดเนี๊ยะมาตุ้ลมักบูลีน (แบนใหญ่) ถนนลำเจียรดับ แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กทม. ญาตินำศพนายสมชาย จามจุรี อายุ 40 ปี 1 ใน 3 ผู้เสียชีวิต มาประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า นายจินทวัส พงษ์บางลี่ คู่กรณีที่ขับรถชนผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาขอขมาศพ พร้อมทั้งพูดคุยกับทางญาติผู้เสียชีวิตเพียงสั้นๆก่อนเดินทางกลับ

น.ส.วารุณี นันทนุช หลานสาวของนายสมชาย จามจุรี ผู้ตาย กล่าวว่า คู่กรณีได้เดินทางมาพูดคุยกับทางครอบครัว แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมจะพูดอะไร เนื่องจากอยากจะจัดพิธีทางศาสนาให้จบก่อน ครอบครัว เพิ่งจะสูญเสียแม่ของนายสมชายไปได้เพียง 2 เดือน ก็ต้องมาสูญเสียคนในครอบครัวอีกคน ที่ผ่านมา
ผู้ตายเคยถูกดำเนินคดีหลายปี กระทั่งพ้นโทษออกมา ได้รวมกลุ่มกับเพื่อนที่เคยเป็นนักโทษ ร่วมกิจกรรมทำความดี จนมีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ เป็นหนึ่งในเน็ตไอดอล ที่หลายคนรู้จักในชื่อ “บังปะ” ผู้ตายมักจะไปทำกิจกรรมทำความดี ไปแจกของให้ผู้ที่ลำบาก ยิ่งในช่วงวิกฤติโควิด-19 จะออกไปทำกิจกรรมกันบ่อยครั้ง ไม่คิดว่าจะมาสูญเสียแบบนี้

...