กรมควบคุมโรค ย้ำ ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรก 50% ของประชากร ภายใน ต.ค. ยันใช้สูตรไขว้ “ซิโนแวค+แอสตราเซเนกา” ครบ 2 เข็มภายใน 3 สัปดาห์ ส่วนวันมหิดล ระดมฉีด 1 ล้านโดสทุกเข็ม
วันที่ 18 กันยายน 2564 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ว่า ภาพรวมขณะนี้ดีขึ้น ประชาชนสามารถใช้ชีวิตวิถีใหม่อยู่กับสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ได้อย่างเคร่งครัดตามมาตรการป้องกันตนขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาล เช่น การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ รักษาระยะห่าง งดไปในสถานที่แออัด เป็นต้น
ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์-16 กันยายน 2564 ฉีดวัคซีนรวม 43,342,103 โดส โดยฉีดครบ 2 เข็ม จำนวน 14,285,995 โดส และฉีดเข็มที่ 1 ไปแล้ว จำนวน 28,436,015 โดส ซึ่งฉีดได้ประมาณ 9 แสนโดสต่อวัน พร้อมทั้งเร่งรัดให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้ได้ ร้อยละ 50 อย่างช้าภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ตามเป้าของกระทรวงสาธารณสุข
“กระทรวงสาธารณสุข เตรียมแผนระดมพลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชน 1 ล้านโดสเป็นอย่างน้อยในทุกเข็ม ในวันมหิดล วันที่ 24 กันยายน 2564 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีด ขอให้รีบรับบริการฉีดวัคซีนที่สถานบริการใกล้บ้าน”
นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้วัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยมี 4 ชนิด คือ ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม แอสตราเซเนกา และไฟเซอร์ ซึ่งผ่านการรับรองทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
...
สำหรับวัคซีนหลักที่ใช้ฉีดเข็มที่ 1 คือ ซิโนแวค และเข็มที่ 2 แอสตราเซเนกา ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ จากผลการศึกษาวิจัยในประเทศพบว่า วัคซีนทั้ง 2 ชนิดนี้จะเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ใช้เวลาสั้นกว่าวัคซีนสูตรปกติ รายใดที่พบว่ามีปัญหาแพ้วัคซีนเข็มแรก เช่น มีผื่นขึ้นบวมแดงหรือหายใจติดขัด จะเปลี่ยนชนิดที่มีความปลอดภัยแทน
ทั้งนี้ จะมีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้แก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากภูมิคุ้มกันเริ่มลดลงหลังฉีด 3-6 เดือน โดยประชาชนที่จะเข้ารับการฉีด จะได้รับการแจ้งข้อความ SMS ผ่านทางแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” หรือลงทะเบียนที่สถานพยาบาลเดิม และเข้ารับบริการที่จุดฉีดวัคซีนกลางในแต่ละพื้นที่กำหนด เช่น ในกรุงเทพฯ ที่สถานีกลางบางซื่อ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ส่วนกลุ่มนักเรียนอายุ 12-17 ปี ที่จะเริ่มฉีดไฟเซอร์เข็มที่ 1 ในช่วงต้นเดือนตุลาคม จะคำนึงถึงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และเป็นไปตามเจตจำนงของผู้ปกครองเป็นสำคัญ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการบริหารจัดการระบบการฉีดให้รัดกุมและมีความปลอดภัยสูงสุด.