“ป้าแต๋น” เมียลุงพล โดนแล้ว ตำรวจโรงพักกกตูมตามส่งหมายเรียกถึงเถียงนาให้มารับทราบข้อกล่าวหา “ร่วมกันกระทำการใดๆแก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป” หลังเซ็นรับหมาย เจ้าตัวถึงกับอึ้ง คิดว่าเป็นแค่ข่าวลือ แต่ตอนนี้เป็นเรื่องจริงแล้ว ยืนยันจะไปพบพนักงานสอบสวนคดีน้องชมพู่ตามนัดหมายแน่นอน
สังคมยังเฝ้าจับตาคดีดังสนั่นเมืองจะจบลงอย่างไร หลังตำรวจใช้เวลาถึง 1 ปี ในการสืบสวนสอบสวนการเสียชีวิตของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือน้องชมพู่ วัย 3 ขวบเศษ ที่พบศพตายเปลือยปริศนาบนภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ก่อนพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา นายไชย์พล หรือพล วิภา อายุ 45 ปี ลุงน้องชมพู่ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ก่อนถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 3 ข้อหาคือ 1.พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาฯ 2.ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปีเพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตนฯเป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย 3.กระทำการใดๆแก่ศพฯก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป คดีอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน
ความคืบหน้าของคดี เมื่อเวลาประมาณ 15.45 น. วันที่ 2 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.อดิศักดิ์ ศรีจันดา พนักงานสอบสวน สภ.กกตูม เดินทางไปยังบ้านของนายไชย์พล วิภา และ น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือลุงพล-ป้าแต๋น บ้านเลขที่ 79 หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เพื่อนำหมายเรียกของพนักงานสอบสวน นัดหมายให้น.ส.สมพรมารับทราบข้อกล่าว “ร่วมกันกระทำการใดๆแก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป” หลังจากก่อนหน้านี้ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล สามีป้าแต๋น ในข้อหาเจตนาฆ่าผู้อื่น และผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวไปสู้คดี กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายไชย์พลเพิ่มเติมอีก 3 ข้อกล่าวหาดังกล่าว
...
เมื่อพนักงานสอบสวนเดินทางไปถึงบ้าน ลุงพล-ป้าแต๋น พบบ้านปิดไม่มีใครอยู่ เพื่อนบ้านแจ้งว่า น.ส.สมพร หรือป้าแต๋น ไปดูที่นาบริเวณท้ายหมู่บ้านกกตูม ห่างไปราว 1 กม. ตำรวจติดตามไปจนพบ น.ส.สมพรและครอบครัวนั่งพักผ่อนอยู่ในเถียงนา แต่ไม่มีนายไชย์พล หรือลุงพล สามี รวมอยู่ด้วย เนื่องจากไปทำธุระนอกหมู่บ้าน ตำรวจได้ยื่นหมายเรียกให้ น.ส.สมพรอ่านจนเข้าใจและเซ็นชื่อรับทราบ ก่อนเดินทางกลับทันที ขณะที่ป้าแต๋นให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวและกลุ่มยูทูบเบอร์เพียงสั้นๆด้วยสีหน้าตกใจว่า “ตอนแรกคิดว่าเป็นข่าวลือว่าจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีน้องชมพู่ แต่ตอนนี้เป็นความจริงแล้ว ยืนยันจะไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกแน่นอน” สำหรับหมายเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาระบุว่าให้ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.กกตูม ในวันที่ 4 ก.ย. เวลาประมาณ 10.00 น. ที่ สภ.กกตูม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหากับ น.ส.สมพรหรือป้าแต๋น สืบเนื่องจากในการประชุมสรุปสำนวนคดีของพนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร พบว่า ยังมีผู้เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องชมพู่อีกคน ที่จะถูกแจ้งความดำเนินคดีเป็นรายต่อไปต่อจากลุงพลคือ น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ อายุ 43 ปี หรือป้าแต๋น ภรรยาของลุงพล และเป็นป้าแท้ๆของน้องชมพู่ หลังจากพนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ปรากฏพยานหลักฐานและพฤติการณ์ทั้งหลายในสำนวนการสอบสวน
มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า น.ส.สมพร หรือแต๋น หลาบโพธิ์ ได้ร่วมกระทำผิดกับผู้ต้องหา โดยร่วมกันกระทำการใดๆแก่ศพของ ด.ญ.อรวรรณ หรือชมพู่ วงศ์ศรีชา หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
ข้อหาดังกล่าวถือเป็นความผิดตาม ป.วิอาญา มาตรา 150 “ผู้ใดกระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป เว้นแต่จำเป็นต้องกระทำเพื่อป้องกันอันตรายแก่อนามัยของประชาชนหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000-40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดี ผู้กระทำต้องระวางโทษเป็น
2 เท่า ของโทษที่กำหนดไว้ สำหรับความผิดนั้น”