โควิดฝั่งธน สุดอนาถลุง 58 ปี รู้ว่าติดโควิด ยอมเสียเงินตรวจแล็บเอกชน แต่อาการหนักวูบก่อนไปถึงกู้ชีพต้องเร่งช่วย ส่ง รพ.ตากสิน ด้านคู่รักหนุ่มสาวลงทะเบียนผ่าน สปสช.โดนลอยแพมาแล้ว 1 สัปดาห์
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 ก.ค. 64 เจ้าหน้าที่ศูนย์เอราวัณ รับแจ้งมีชายสูงอายุ ล้มหมดสติอยู่ภายในซอยเพชรเกษม 4 แยก 2 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม. จึงจัดหารถพยาบาลพร้อมทีมเเพทย์สวมชุด PPE รุดไปตรวจสอบ พบ นายสวงค์ เพชรบาง อายุ 58 ปี นอนหายใจรวยรินอยู่ข้างรถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ 110i สีแดงดำ ทะเบียน 2 ขต 6145 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจอดอยู่ริมถนนภายในซอย จากการประเมินอาการผู้ป่วยพบว่ามีภาวะอ่อนแรง หายใจลำบาก และมีไข้ ทีมแพทย์จึงนำชุดตรวจโควิด-19 แบบ Rapid Antigen Test ทำการแยงจมูกผู้ป่วยเพื่อตรวจสอบผลออกมาเป็นบวก จึงรีบนำตัวส่ง รพ.ตากสิน

สอบถาม นายพิพรรธน์ จันทร์ตรี อายุ 24 ปี ญาติผู้ป่วย ทราบข่าวเดินทางมาที่เกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่า ตนเป็นหลานเขยของ นายสวงค์ มีที่พักอยู่กันในย่านนี้ ก่อนหน้านี้ นายสวงค์ บ่นมีอาการไข้และภาวะอื่นๆ คล้ายผู้ป่วยโควิด-19 ตนจึงไปหาซื้อชุดตรวจแบบ Rapid Antigen Test มาทำการตรวจให้ในหมู่ญาติๆ ด้วยกัน พบว่า ผลของ นายสวงค์ ออกมาเป็นบวกตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่เนื่องจากเจ้าตัวอายุมากและไม่ค่อยแข็งแรง เลยเลือกที่จะไม่ลงทะเบียนรักษาตัวที่บ้านเพราะกลัวอาการจะหนัก วันนี้จึงตัดสินใจจะไปตรวจแบบ RT-PCR โดยเสียเงินเองที่แล็บเอกชน แห่งหนึ่งย่านจรัญสนิทวงศ์ หวังจะเอาผลไปเข้าระบบเพื่อจองเตียงรักษาตัว แต่พอถึงเวลานัดหมายกับญาติๆ ปรากฏว่า นายสวงค์ กลับไปเดินทางไปที่แล็บเอกชน ทำให้ทุกคนพากันโทรศัพท์ติดตามหากันจ้าละหวั่น จนมารู้ทีหลังว่า นายสวงค์ พยายามจะขี่รถ จยย.ไปแล้ว แต่อาการดันหนักระหว่างทาง จนต้องจอดรถนอนรอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์อยู่ข้างถนน
...

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก น.ส.อุไรวรรณ ฝ่ายพลแสน อายุ 30 ปี ผู้ป่วยโควิด-19 ปัจจุบันพักอยู่กับแฟนหนุ่มชื่อ นายคมกฤช สุวรรณะ อายุ 24 ปี ในบ้านพักปากซอยเทอดไท 37 แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กทม. ผ่านทางโทรศัพท์ ว่า ตนและแฟนติดโควิด-19 กันทั้งคู่ โดยตนตรวจเจอก่อนเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังเดินทางไปเสียเงินตรวจแบบ Antigen Test เองที่ รพ.รัชดาท่าพระ ในราคา 1,300 บาท ส่วนแฟนหนุ่มก็ตรวจด้วยวิธีเดียวกันในราคาเท่ากัน ทราบผลเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.อุไรวรรณ บอกด้วยว่า หลังทราบผลตรวจทั้งตนและแฟน ก็รีบลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ของ สปสช.ทันที โดยหวังว่าจะแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการรักษาตัวอยู่ที่บ้าน หรือ Home Isolation โดยช่วงนั้นทางรัฐบาลให้ข่าวสารว่า จะมีทีมแพทย์คอยวิดีโอคอลมาประเมินอาการให้วันละ 2 ครั้ง มีอาหารมาส่งให้ที่บ้าน 3 มื้อ มีการจัดส่งปรอทวัดไข้และเครื่องวัดออกซิเจนมาให้ มีการส่งยาฟ้าทะลายโจร ยาฟาวิพิราเวียร์และยาพื้นฐานอื่นๆ มาให้ ตลอดจนจะมีการช่วยประสานส่งต่อรักษาหากอาการแย่ลง

"ทว่าขณะนี้ ผ่านมาจนครบ 1 สัปดาห์แล้ว ยังไม่มีเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานใดติดต่อกลับมา ทั้งที่ทางรัฐบาลและเว็บไซต์ของ สปสช.ให้คำมั่นว่า หลังลงทะเบียนจะมีผู้ติดต่อกลับตามช่องทางที่ให้ไว้ภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งในส่วนของตนและแฟนนั้นต้องหาของกินและยาฟ้าทะลายโจรกินกันเอง ทั้งที่ไม่อยากออกจากบ้านไปเป็นภาระหรือแพร่เชื้อให้ใคร ตอนนี้ก็ยังมีทั้งอาการไข้และไอยังไม่หาย เมื่อตนติดตามข่าวสารจากโซเชียล ยังพบด้วยว่า มีผู้ป่วยที่ประสงค์จะรักษาแบบ Home Isolation ลงทะเบียนผ่าน สปสช.ถูกทอดทิ้งแบบตนจำนวนมาก และแทบทุกราย จากที่ติดเพียงคนหรือสองคน ก็ต้องแพร่เชื้อให้คนอื่นๆ ในบ้านเพิ่มขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่อไม่มีความช่วยเหลือจากหน่วยงานใด ผู้ป่วยแทบทุกรายก็จำเป็นต้องออกจากบ้านไปหาข้าวปลาและยาที่พอหาได้มารักษาตนเอง" น.ส.อุไรวรรณ กล่าว
ขณะที่หน้าเฟซบุ๊กของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.ยังคงมีการโพสต์ถึงการลงทะเบียนให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการสีเขียว เพื่อเข้าสู่การดูแลที่บ้าน (Home Isolation) โดยมีประชาชนมาคอมเมนต์ว่าลงทะเบียนไว้นานแล้ว แต่ยังไม่ได้การติดต่อกลับเป็นจำนวนมาก
...

ส่วนโพสต์ล่าสุดของ สปสช.คือ คลินิกชุมชนอบอุ่นกับการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation)
สปสช. ได้สนับสนุนการจัด “ระบบการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่บ้าน” (Home Isolation) โดยร่วมกับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพมหานคร โดยออก “แนวทางปฏิบัติการขอรับค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุขสำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่พักระหว่างรอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และการดูแลรักษาในโรงพยาบาลสนามสำหรับคนในชุมชน” เพื่อรองรับการเบิกจ่ายค่าบริการ พร้อมกับเชิญชวน “คลินิกชุมชนอบอุ่น” หน่วยบริการปฐมภูมิภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเข้าร่วมดูแลประชาชน โดยมีโรงพยาบาลเป็นแม่ข่ายบริการ โดยมีการเชิญชวนคลินิกเอกชนเข้าร่วมโครงการนี้ พร้อมจัดประชุมออนไลน์ในวันนี้ (3 ส.ค.).