“นายแพทย์รุ่งเรือง” รับหนักใจเผชิญกลุ่ม “หมอไม่ทน” หน้ากระทรวงสาธารณสุข ขอใช้เหตุผลพูดคุยแทนระเบิดอารมณ์ใส่กัน ระบุภาครัฐจัดหาวัคซีนให้อยู่แล้ว
วันที่ 7 ก.ค. 2564 นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวงฯ และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ กล่าวถึงการมายื่นข้อเรียกร้องของกลุ่มหมอไม่ทน ที่นัดแสดงพลังสวมเสื้อดำ-ติดโบดำ เพื่อไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่บริเวณกระทรวงสาธารณสุข เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่า ยอมรับว่าเสียใจกับการแสดงออกของม็อบ แม้จะเตรียมตัวมาแล้วว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่ก็หนักใจที่ไม่มีโอกาสได้อธิบาย แน่นอนว่าประชาชนมีสิทธิ์เรียกร้อง กระทรวงสาธารณสุขขอบคุณและพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ และจะพยายามปฏิบัติตามความเหมาะสม
“จากที่รับทราบคือ ทางฝ่ายผู้เรียกร้องขอให้จัดหาวัคซีนมาบริการประชาชนใน 7 วัน อันที่จริงเรื่องนี้ภาครัฐได้จัดการให้อยู่แล้ว เราเริ่มฉีดวัคซีนกันตั้งแต่ต้นปี ซึ่งถือว่าเร็วกว่ากำหนดเดิมเสียด้วยซ้ำ ปัจจุบันก็ฉีดไปแล้วมากกว่า 11 ล้านโดส วัคซีนที่นำมาให้บริการแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย คือ วัคซีนที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย ผ่านการรองรับจาก WHO หมอขออธิบายว่า ตอนนี้เราอยู่ในสงคราม และเราควรจะรีบใส่ชุดเกราะ อย่างน้อยโดนยิง ก็มีโอกาสเสียชีวิตน้อยกว่า แล้วกำลังเร่งการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์เข้ามาให้บริการอีก”
นายแพทย์รุ่งเรือง ระบุว่า ภาครัฐพยายามสนองข้อเรียกร้องของประชาชนอย่างสุดความสามารถ แต่การจัดหานั้นมีความลำบากซับซ้อนอยู่พอสมควร แต่ไม่ใช่ว่าภาครัฐเพิกเฉย กำลังหารือเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งไม่เคยเป็นเรื่องง่ายต่อการสื่อสารที่มีความรุนแรงเกรี้ยวกราด จึงต้องการให้เห็นการหาทางออกเช่นอารยชนมากกว่าการใช้คำผรุสวาท
...
“ความรุนแรงไม่เคยช่วยแก้ปัญหาอะไร ซ้ำร้ายยังจะไปบดบังเจตนาของการสื่อสารอย่างน่าเสียดาย กลับกัน หากมากันด้วยความให้เกียรติกันและกัน หมอมั่นใจว่าได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมมากกว่า” นายแพทย์รุ่งเรือง กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าของวันเดียวกัน มีการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์จากนักกิจกรรมอีกกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มเยาวชนที่ใช้ชื่อว่า “กลุ่มไพร่พลและกลุ่มเด็กปากแจ๋ว” ซึ่งเรียกร้องวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ โดยนำพวงหรีดระบุชื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข พร้อมหุ่นจำลองผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มาแสดงที่บริเวณทางเข้ากระทรวงสาธารณสุข จากนั้น แกนนำกลุ่มฯ อ่านแถลงการณ์และยื่นหนังสือผ่านตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข ก่อนจะยุติการทำกิจกรรม